ตร.ประกาศปิดถนน3เส้นรอบราชประสงค์ เตือนสื่อไลฟ์สดระวังยุยงปลุกปั่น
ตร.เตือนสื่อมวลชน ระวังเสนอข่าวในลักษณะยุยง ปลุกปั่น ปิดถนน 3 เส้น ตัดแยกราชประสงค์ 14.00 น. วันนี้
ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงกรณีประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่มีคำสั่ง ตามมาตร11 ว่าด้วยข้อกำหนด ห้ามสื่อมวลชนในการนำเสนอ เผยแพร่ข้อความ ที่ไปในลักษณะยุยง ปลุกระดม ส่งเสริม ให้เกิดการชุมนุม หรือมีความรุนเเรงในสถานการณ์ ซึ่งประเด็นนี้ตนห่วงใยการนำเสนอข่าวในแง่มุมต่าง ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการไลฟ์สดในสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจมีข้อความไม่เหมาะสม ทำให้เกิดความแตกเเยก ซึ่งอาจะเข้าข่ายความผิด ถึงแม้ว่าจะลบการไลฟ์สดไปเเล้วเเต่ก็ถือว่าความผิดสำเร็จ ส่วนประชาชนทั่วไปนั้น ทาง ศูนย์กอร.ฉ. มีการติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีอยู่แล้ว
ส่วนกรณีสื่อมวลชนที่จะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในการชุมนุม ขณะนี้ทางศูนย์ กอร.ฉ. อยู่ระหว่างจัดทำสัญลักษณ์ที่บ่งชี้ว่าเป็นสื่อมวลชน เตรียมเเจกจ่ายให้อีกครั้ง ซึ่งในระหว่างที่ยังไม่เเล้วเสร็จ ขอความร่วมมือให้สื่อมวลชนแสดงบัตรกรมประชาสัมพันธ์เพื่อสะดวกต่อการปฏิบัติหน้าที่
ด้านพลตำรวจตรี ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจตรี จิรสัตน์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พันตำรวจเอก ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกตร. ร่วมกันแถลงข่าวข้อกำหนดในห้วงสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตกทม.
พลตำรวจตรี ยิ่งยศ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนทำความเข้าใจกับข้อกำหนดที่ออกตามมาตรา 9 ประกอบกับมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เนื้อหาสรุปสั้นๆ ดังนี้ห้ามมีการจับกลุ่มมั่วสุมชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และห้ามเสนอข่าว จำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด รวมตลอดทั้งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์บรรดาที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวบิดเบือน ยุยง ส่งเสริมให้เกิดการชุมนุมหรือความรุนแรงในสถานการณ์ ห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือยานพาหนะบางประเภทห้ามเข้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะออกเป็นประกาศลงรายละเอียดอีกครั้ง
พลตำรวจตรี ยิ่งยศ กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนประกาศ พรก.ฉุกเฉินในสถานการณ์ร้ายแรงเขตพื้นที่กรุงเทพฯอย่างเข้มขึ้นมากขึ้น โดยย้ำว่าจะจัดการชุมนุมไม่ได้เด็ดขาด เพราะตำรวจจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายหากพบผู้กระทำผิด ก็จะต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งตามกฎหมายสามารถดำเนินคดีย้อนหลังได้ ซึ่งจะทำตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักสากลทั่วโลก
พลตำรวจตรี ยิ่งยศ กล่าวว่า ส่วนการชุมนุมเมื่อคืนที่ผ่านมาบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ภาพรวมการดูแลความปลอดภัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตำรวจจับกุมผู้ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินฯเพิ่มอีกจำนวน 7ราย ส่วนแกนนำหลักอีก 4-5คน อาทิ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ที่ยังไม่ถูกจับกุมดำเนินคดีนั้น มีฝ่ายสืบสวนติดตามอยู่แล้ว
ด้าน พลตำรวจตรี จิรสันต์ กล่าวว่า ตำรวจได้กำหนดพื้นที่ควบคุมการจราจรบางเส้นทาง และจะปิดการจราจรในเวลา 14.00 น.รวม 3 เส้นทาง คือ
1.ถนนราชดำริ จากแยกราชประสงค์ถึงประตูน้ำ, 2.ถนนเพลินจิต จากแยกราชประสงค์ถึงแยกชิดลม และ3.ถนนพระรามที่ 1 จากแยกราชประสงค์ ถึงแยกเฉลิมเผ่า ดังนั้นขอให้ประชาชนรวมถึงผู้ปกครองหลีกเลี่ยงเส้นทาง, ปรับเปลี่ยนการใช้ยานพาหนะรวมถึงปรับเปลี่ยนเวลาเดินทาง ส่วนผู้ที่ใช้บริการห้างสรรพสินค้าฝั่งถนนพระรามที่1 แนะนำให้ใช้ทางเข้า-ออกฝั่งถนนพระราม 1 และถนนพญาไท ทั้งนี้มีเส้นทางเลี่ยง 12 เส้นทาง ได้แก่ ถนนราชปรารภ ถนนเพชรบุรี ถนนพญาไท ถนนพระราม 4 ถนนอังรีดูนังต์ ถนนสารสิน ถนนสีลม ถนนสาทร ถนนวิทยุ ถนนสุขุมวิท ซอยต้นสน และถนนหลังสวน
ขณะที่ พันตำรวจเอก ศิริวัฒน์ ได้ฝากเตือนไปยังสื่อมวลชนตลอดจนประชาชนที่ใช้โซเชียลมิเดียหรือสื่ออื่น ๆ ให้ระมัดระวังการโพสข้อความหรือแสดงความคิดความเห็น หากพบบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร กระทบต่อความมั่นคง นำไปสู่ความรุนแรงบานปลายจะมีความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศ พรก.ฉุกเฉินในสถานการณ์ร้ายแรงฯ มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4หมื่นบาท , และมีความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ฯมีอัตราโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับรายชื่อผู้ถูกจับกรณีชุมนุมที่แยกราชประสงค์วานนี้ ในความผิดฐาน ชุมนุมมั่วสุมกันอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยฯ (ฝ่าฝืนข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ประกอบด้วย นายปัญญา เจริญทรัพย์, นายนัดธชัย ขุนแข็ง, นายพรเทพ คงอินทร์, น.ส.ธนิฐา กาวี, นายศักดิ์ชัย ศรีเมือง, นายธีรชัย จุติมงคลกุล และ นายนฤชา จันทร์สุข