ฝ่ายค้านล่า245รายชื่อเปิดสภาสมัยวิสามัญ
ฝ่ายค้านล่า245รายชื่อเปิดสภาสมัยวิสามัญ จี้นายกฯตัดสินใจด้วยตนเอง
ที่รัฐสภา ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายชัยธวัชตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ ร่วมแถลงข่าวกรณีการเสนอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อหาทางออกเดี่ยวกับสถานการณ์กรเมือง
โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายค้านได้ลงรายชื่อแล้ว 211 รายชื่อเพื่อขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญโดยยังขาดอีก 34 รายชื่อ จึงจะครบตามที่กฎหมายกำหนดล
ทั้งนี้ฝ่ายค้านจะนำญัตติที่ลงชื่อแล้วมาฝากไว้ที่สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ได้มาช่วยลงชื่อ ให้ครบตามจำนวน 245 รายชื่อ ส่วนญัตติขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญที่เราจะยื่นนั้น เรามีเหตุผลอย่างชัดเจน ว่าการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงนั้น ได้ออกข้อความเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการดำเนินชีวิต ทั้งนี้ การชุมนุมของเยาวชนยังไม่ได้ยุติลง ดังนั้น ฝ่ายค้านมีความเห็นร่วมกันว่า หากรัฐบาลมีความจริงใจอย่างแท้จริง ต้องยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในทันที รวมถึงยกเลิกการจับกุม และปล่อยตัวแกนนำผู้ชุมนุม เพราะการชุมนุมของม็อบ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยสงบ
“ส่วนเรื่องการยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อสักครู่ ในการประชุมร่วมส.ส.รัฐบาล ฝ่ายค้าน และตัวแทนครม. ได้มีการหารือกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ท่านก็เห็นด้วย ในการแนะนำรัฐบาลให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” นายประเสริฐ กล่าว
ด้านนายสุทิน กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีภารกิจต้องผลักดัน 1.ให้มีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญให้ได้ 2. การยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แม้ที่ประชุมจะไม่มีมติชัดเจน แต่ประธานรัฐสภา เห็นด้วย ซึ่งพวกเราก็จะผลักดันเรื่องนี้ โดยชี้ให้เห็นว่าการคงไว้ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่เกิดประโยชน์ เพราะยังมีการชุมนุมเช่นเดิม ดังนั้น การยกเลิกเป็นผลดีมากกว่า การปล่อยตัวก็เช่นกัน วันนี้เราทำทุกอย่างให้ประเทศชาติคลี่คลาย ให้บ้านเมืองเดินไปได้ ฉะนั้นมาตรการใด ๆ ที่ออกมาแล้ว ทำให้ผู้ชุมนุมเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลต้องทบทวน
ฝ่ายค้านยืนยันชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันให้เปิดการประชุมสมัยวิสามัญ ผ่านคณะรัฐมนตรี(ครม.) และง่ายที่สุดในวันนี้คือ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเสียสละลาออก
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎรเป็นช่องทางหนึ่งที่จะผ่อนคลายปัญหาใหญ่ของประเทศ ซึ่งเราไม่มั่นใจว่าจะแก้ได้หรือไม่ได้ เพราะศูนย์รวมของปัญหาเกิดขึ้นจากที่ประชาชนไม่ไว้ใจนายกฯ ศูนย์รวมปัญหาอยู่ที่นายกฯ และเกิดจากรัฐธรรมนูญที่ประชาชนต้องการแก้ไข แต่กลับไปอยู่ที่กระบวนการของกรรมาธิการ และไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจน หรือทำให้เห็นว่ามีความมุ่งมั่นที่จะแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่อยู่ที่นายกฯ
ส่วนนายชัยธวัช กล่าวว่า สถานการณ์การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของรัฐบาลขณะนี้ เป็นการรัฐประหารเงียบ การใช้อำนาจขณะนี้ไม่ต่างจากสถานการณ์หลังการรัฐประหาร มีการออกข้อกำหนดให้อำนาจเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว หรือเรียกบุคคลใดมารายงานตัวก็ได้ รวมถึงตรวจค้นสถานที่ต่าง ๆ และใช้อำนาจกำหนดสถานที่ควบคุมตัวเพื่อรองรับการจับกุมตัวล่าสุดไปกำหนดให้ค่ายทหารที่ชลบุรี เป็นสถานที่ควบคุมตัวอีกที่หนึ่ง ล่าสุดมีการเปิดเผยชัดเจนเเล้วว่า กองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) ใช้อำนาจสั่งให้ตรวจสอบ และระงับการออกอากาศของสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง นี่เป็นรูปธรรมที่เราจะต้องต่อต้าน การใช้อำนาจตามสถานการณ์ฉุกเฉิน ละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และละเมิดสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนอย่างชัดเจน
"ถ้ายังไม่ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายเเรง จะมีการใช้อำนาจอย่างนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และนี่เป็นสัญญาณที่บอกเเล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ หมดความชอบธรรมที่จะปกครองประเทศนี้เเล้ว ท่านจะต้องพิจารณาทบทวนตัวเอง เสียสละเพื่อให้สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย ผมในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกล ยังตั้งคำถามไปยังพรรคร่วมรัฐบาลว่า ต้องเเสดงท่าทีที่ชัดเจนว่า พวกท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการลุแก่อำนาจของนายกฯ ขณะนี้ ถ้าท่านไม่เห็นด้วยจะต้องมีจุดยืนชัดเจน ในการยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน หากยังไม่มีการยกเลิก ผมขอเรียกร้องให้ พรรคร่วมรัฐบาลทบทวน ถอนตัวจากการสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ เพื่อเปิดทางให้มีนายกฯคนใหม่" นายชัยธวัช กล่าว