‘พันธมิตรชานม’ฮ่องกงแรงบันดาลใจผู้ชุมนุมไทย
‘พันธมิตรชานม’ฮ่องกงแรงบันดาลใจผู้ชุมนุมไทย ขณะที่การปราบปรามของทางการเปลี่ยนโฉมการชุมนุม กลายเป็นแฟลชม็อบที่จัดกันสดๆ
การชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนไทยที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. จนกระทั่งถูกทางการใช้รถฉีดน้ำสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ต.ค. ยิ่งทำให้กระแสเข้มข้นมากขึ้นยิ่งไปอีกตลอดเสาร์-อาทิตย์ (17-18 ต.ค.) ที่ผ่านมา ชนิดที่สื่อต่างประเทศต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
เว็บไซต์นิกเคอิรายงานวานนี้ (19 ต.ค.) ว่า ผู้ประท้วงชาวไทยออกมาแสดงพลังอีกครั้งเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ร้ายแรงในเขตกรุงเทพฯ ฝนตกหนัก ตำรวจเข้าปราบปราม รถไฟฟ้า-ใต้ดินปิดให้บริการ ก็ไม่อาจทำให้ผู้ประท้วงอยู่กับบ้านได้ ด้วยความตึงเครียดที่ทวีขึ้นทุกขณะ นักเคลื่อนไหวเองก็ไม่มีทีท่าจะรามือ คำถามสำคัญตอนนี้คือทางการจะทำอะไรต่อไป
เว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยนรายงานว่า แกนนำผู้ชุมนุมเล่นเกมแมวกับหนูกับตำรวจจัดประท้วงมีคนมาร่วมจำนวนมาก เล่นเอารัฐบาลต้องหาทางควบคุมขบวนการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยนำโดยนักศึกษาชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน ผู้ชุมนุมใช้กลยุทธ์ที่ได้แรงบันดาลใจจากฮ่องกง สวมหมวกนิรภัยและแต่งชุดดำออกมาเดินขบวนท้าทายทางการ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกและควบคุมอำนาจสถาบันกษัตริย์
เดอะการ์เดี้ยนรายงานบรรยากาศที่ชวนให้นึกถึงการเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตยฮ่องกง เช่น ผู้ประท้วงในกรุงเทพฯ สื่อสารกันโดยใช้ภาษามือง ก่อตัวกันเป็นโซ่มนุษย์ส่งร่มให้เพื่อนมิตรที่อยู่แนวหน้า มวลชนจำนวนมากสวมหมวกนิรภัยและแว่นตากันลมเพื่อป้องกันไว้ก่อน หลังเกิดเหตุตำรวจใช้รถฉีดน้ำสลายฝูงชนเมื่อวันศุกร์ ในนั้นมีเด็กนักเรียนจำนวนมาก ส่วนหน้ากากและน้ำดื่มบรรจุขวดที่นำมาแจกจ่ายกันได้จากการระดมทุนผ่านออนไลน์
นอกจากในกรุงเทพฯ แล้ว เมื่อวันอาทิตย์ยังมีการชุมนุมแบบเดียวกันนี้ในอีก 19 จังหวัดเป็นอย่างน้อย รวมถึงการชุมนุมและวางแผนชุมนุมเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับไทยในยุโรป สหรัฐ แคนาดา และไต้หวัน นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงอย่างโจชัว หว่อง และนาธาน ลอว์ ก็โพสต์ข้อความสนับสนุนผู้ประท้วงชาวไทย
ลอว์กล่าวกับเดอะการ์เดี้ยนว่า ผู้ประท้วงชาวไทยกล้าหาญ ขบวนการนักศึกษาทั้งไทยและฮ่องกงกำลังต่อสู้กับระบบที่ไม่เป็นประชาธิปไตย “โครงสร้างของปัญหาแตกต่างกัน แต่สุดท้ายแล้วเราเห็นว่าสองกรณีนี้คล้ายกันมาก” ลอว์กล่าวโดยชี้ว่า ข้อกฎหมายในการตั้งข้อกล่าวหา การฉีดน้ำใส่ผู้ประท้วง การปิดระบบขนส่งสาธารณะเพื่อตัดกำลังการชุมนุม “ล้วนเป็นเล่ห์เหลี่ยมแบบเดียวกัน”
เดอะการ์เดี้ยนระบุว่า ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สายสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษาไทยกับฮ่องกงแนบแน่นขึ้น เมื่อนักเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ผนึกกำลังกันต่อต้านการใช้อำนาจเด็ดขาดของทางการ ด้วยการติดแฮชแท็กพันธมิตรชานม เครื่องดื่มยอดนิยมทั้งในไทยและฮ่องกง ที่กลายเป็นชื่อเรียกเครือข่ายไม่เป็นทางการของนักกิจกรรมฮ่องกง ไทย และไต้หวัน เพื่อสั่งสมแรงสนับสนุนจากนานาชาติ
เว็บไซต์ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่า การใช้ไม้แข็งของรัฐบาลนั้นไม่ได้ผล ไม่อาจหยุดยั้งการประท้วงได้ การปราบปรามของทางการเปลี่ยนโฉมการชุมนุม จากที่วางแผนล่วงหน้ามาอย่างดีประกาศล่วงหน้าหลายวัน มีการจัดเวที เครื่องเสียง ไมโครโฟน กลายเป็นแฟลชม็อบที่จัดกันสดๆ
ดร.ฐิติพล ภักดีวาณิช คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวกับไฟแนนเชียลไทม์ส
“พวกเขาไม่กลัวเลย กล้าที่จะท้าทายอำนาจรัฐ”
วรนัยน์ วาณิชกะ นักวิเคราะห์การเมืองกล่าวกับเอเอฟพีว่า คนหนุ่มสาวผู้สนใจเทคโนโลยีในไทยและฮ่องกงมีค่านิยมทางวัฒนธรรมร่วมกัน “นั่นคือความรักในเสรีภาพ และกล้าต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลง ผู้ประท้วงชาวไทยอาจจะมีความคิดเแบบถอนรากถอนโคนน้อยกว่าเพื่อนชาวฮ่องกงมาก แต่หลักๆที่เหมือนกันคือเสรีภาพ"
เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า การที่ประชาชนรวมตัวกันเป็นจำนวนมากเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ เป็นเพราะตำรวจฉีดน้ำผสมสีน้ำเงินสลายการชุมนุมที่สี่แยกปทุมวันเมื่อวันศุกร์ การกระทำในวันนั้นเป็นการเปิดบทใหม่ของขบวนการประท้วงนำโดยนักศึกษา ที่กระแสมาแรงตั้งแต่เดือน ก.ค.
ขณะนี้การประท้วงได้รับแรงสนับสนุนเป็นวงกว้าง คนดังที่มีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียหลายล้านคนโพสต์ข้อความสนับสนุนผู้ชุมนุมมากขึ้น เช่น นิชคุณ สมาชิกวงบอยแบนด์ “ทูพีเอ็ม”อแมนดา ออบดัม มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส
ด้านเนติวิทย์ โชติภัทรไพศาล นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยชาวไทย ทวีตข้อความว่า ในเวลา 15.30 น. วันที่ 19 ต.ค. ตามเวลาฮ่องกง โจชัว หว่อง จะไปแสดงพลังสนับสนุนการต่อสู้ของไทยที่หน้าสถานกงสุลไทย ณ เมืองฮ่องกง ซึ่งในเวลาดังกล่าว หว่องได้ทวีตข้อความYou are not alone. #standwiththailand
“คนไทยไม่ได้ต่อสู้อยู่เพียงลำพัง พวกเราชาวฮ่องกงขอร่วมส่งกำลังใจให้คนไทยมากกว่า 300 ข้อความเพื่อสนับสนุนการชุมนุมครั้งนี้”
ในมิติเศรษฐกิจ เว็บไซต์บลูมเบิร์กรายงานว่า การประท้วงกำลังมาแรงทุกขณะในช่วงที่ไทย ซึ่งพึ่งพาการค้าและการท่องเที่ยวเป็นหลักกำลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุด รัฐบาลต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.8 แสนล้านบาทมารับมือผลพวงจากโควิด-19 ระบาด แต่การประท้วงบานปลายทั่วประเทศอาจกระทบต่อแผนการค่อยๆ เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของรัฐบาล หลังจากที่สกัดการแพร่ระบาดได้ค่อนข้างประสบผลสำเร็จ
การที่คนหมู่มากมารวมกันทำให้เกิดความกังวลว่าไวรัสจะระบาดอีกรอบ ช่วงสุดสัปดาห์ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 5 คนจาก จ.ตาก ชายแดนเมียนมา
รศ.ดร.พรรณชฎา ศิริวรรณบุศย์ จากคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า รัฐบาลอาจเริ่มกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลดแรงกดดัน แต่อาจไม่ตอบสนองทุกข้อเรียกร้องของผู้ประท้วง
“ไม่แน่ในสองสัปดาห์ข้างหน้าการประท้วงรายวันอาจอ่อนแรงลง เพราะประชาชนเริ่มเหนื่อยกับการที่ตำรวจจับแกนนำและสลายมวลชน ผู้ประท้วงอาจเปลี่ยนเป็นการชุมนุมใหญ่ทุกสัปดาห์หรือสองสัปดาห์แทน แต่กระแสการเคลื่อนไหวยังอยู่บนโลกออนไลน์”