ส่องปรากฏการณ์ รถเข็นไทย ‘CIA’ สายข่าวไวกว่าม็อบ แม้แต่สื่อนอกยังอึ้ง!
สื่อต่างประเทศเผยปรากฏการณ์ “เครือข่ายข่าวกรอง” ของบรรดาผู้ค้าอาหารริมทาง (สตรีทฟู้ด) ในกรุงเทพฯ ที่แม่นยำพอๆ กับ “CIA” จนพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้กลายเป็น “ผู้มาก่อนกาล” เพราะไปถึงสถานที่ชุมนุมก่อนผู้ประท้วงอยู่เสมอ
หลังจากรัฐบาลไทยใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงสลายการชุมนุมของผู้ประท้วงสนับสนุนประชาธิปไตยที่ใช้ชื่อว่า “ประชาชนปลดแอก” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง ก็เริ่มใช้กลยุทธ์ปกปิดสถานที่นัดชุมนุมครั้งต่อไปเป็นความลับจนถึงนาทีสุดท้าย
จุดประสงค์ตั้งต้นของแผนนี้คือ เพื่อตลบหลังเจ้าหน้าที่รัฐไม่ให้ไปประจำการขัดขวางการชุมนุม หรือที่กลุ่มผู้ประท้วงใช้ศัพท์เฉพาะว่า “แกง” แต่สุดท้ายข้อมูลลับนี้กลับเล็ดลอดไปถึงบุคคลที่สามที่ไม่มีใครคาดถึง
เมื่อถึงเวลานัดชุมนุม บรรดาผู้ประท้วงกลับพบว่าตัวเองไปถึงสถานที่ชุมนุมหลังกลุ่มผู้ค้าอาหารริมทางที่มาจอดรถเข็นขายของเป็นกลุ่มแรก เพื่อเตรียมพร้อมรับค่ำคืนอันคึกคัก
ในโพสต์หนึ่งบนสังคมออนไลน์ที่เชิญชวนให้ประชาชนออกมาชุมนุมและเดินขบวนประท้วงรัฐบาลในสถานที่ใหม่เมื่อวันอังคาร (20 ต.ค.) ปรากฏรูปรถเข็นขายของพร้อมแคปชั่นว่า “ส่ง CIA ไปที่นั่นก่อน”
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า บรรดาผู้ค้าอาหารริมทางในไทยต่างได้สมญานามว่า “CIA” ซึ่งเป็นชื่อของสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ จากผลงานการสืบข่าววงในอย่างรวดเร็วและแม่นยำ จนไปถึงสถานที่ชุมนุมก่อนตำรวจและผู้ประท้วง
“เราต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เราเลยตั้งกลุ่มแชทขึ้นมากลุ่มหนึ่งหลังจากผู้ประท้วงตั้งฉายาเราว่า CIA” เพชร พ่อค้าวัย 29 ปีเผย
ขณะเดียวกัน พ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ยังตั้งชื่อกลุ่มแชทสำหรับแชร์ข่าวสารว่า “ลูกชิ้นเคลื่อนที่ CIA เพื่อการชุมนุม”
- ที่ใดมีม็อบ ที่นั่นมีโอกาส
การขายอาหารท่ามกลางฝูงชนที่มักมีจำนวนหลายหมื่นคนในแต่ละวัน เพิ่มรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับบรรดาพ่อค้าแม่ขาย
“รัฐพล” พ่อค้าลูกชิ้น วัย 19 ปี ซึ่งมาจอดรถขายลูกชิ้นใกล้กับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า เขามาปักหลักรอล่วงหน้าหลังส่องเฟซบุ๊คเพื่อหาข่าวเกี่ยวกับสถานที่ชุมนุมรอบใหม่ และคอยถามไถ่จากผู้ค้าคนอื่นๆ ที่ช่วยกันแจ้งข่าวสารในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าด้วยกัน
“ก่อนมีการชุมนุม รายได้ของผมดีอยู่แล้ว แต่การมาขายลูกชิ้นในสถานที่ชุมนุม คุณจะขายหมดไวกว่าปกติมาก”
โอกาสทองจากการชุมนุมยังทำให้รัฐพลมีเวลาว่างมากขึ้นจากการหาเลี้ยงชีพ เพราะสามารถขายลูกชิ้นหมดภายในเวลา 2 ทุ่ม จากปกติที่มักขายหมดตอนเที่ยงคืน
พ่อค้าอีกรายหนึ่งบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า การประท้วงทางการเมืองเป็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่ม
“ผมไปหมดทุกม็อบ” วิน พ่อค้าลูกชิ้นวัย 37 ปีเผย “ลูกชิ้นขายหมดเร็วมากภายในไม่กี่ชั่วโมง”
นอกจากนี้ เอเอฟพีระบุว่า การชุมนุมทางการเมืองในกรุงเทพมหานครช่วยให้ธุรกิจอาหารริมทางคึกคักขึ้นอย่างมาก
ไส้กรอกอีสาน อาหารขึ้นชื่อจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ถูกแขวนเรียงรายตามรถขายอาหารริมทาง พร้อมรับออเดอร์จากกลุ่มผู้ชุมนุม
นอกจากนั้นยังมีเมนูอื่นๆ เช่น ไส้กรอกทอด แกงอ่อม เครื่องดื่มเย็นๆ ผลไม้ดอง ขนมปังปิ้ง และหมูสะเต๊ะ มาร่วมแจมด้วย
- ของก็ต้องขาย ประชาธิปไตยก็ต้องเรียกร้อง
สำหรับผู้ค้าบางคน การชุมนุมประท้วงไม่ใช่เพียงแหล่งรายได้เท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ในการแสดงออกจุดยืนทางการเมืองของตัวเองด้วย
“รถเข็นนี้ไม่ขายให้ทหารและตำรวจ ประยุทธ์ออกไป!” ข้อความในป้ายกระดาษที่รถเข็นขายน้ำอัดลมของพ่อค้าชื่อ “คมสันต์” ซึ่งถูกตำรวจใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงยิงใส่เมื่อวันศุกร์ (16 ต.ค.) ที่ผ่านมา
“ผมมาที่นี่ทั้งเพื่อทำมาหากินและสนับสนุนผู้ประท้วง ผมเกลียดประยุทธ์มาก” พ่อค้าวัย 44 ปีบอกกับรอยเตอร์
นอกจากนี้ คมสันต์ยังบ่นว่า ในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ รายได้ของเขาเหลือเพียงวันละ 700 บาทต่อวัน จากที่เคยได้วันละ 2,000 บาท แต่เมื่อมาขายน้ำอัดลมในสถานที่ชุมนุม เขาก็มีรายได้ตกวันละ 1,000 บาท
“อนุชา” พ่อค้าไก่ทอด วัย 21 ปีที่เคยขายได้วันละ 3,000 บาทเศษ บอกว่า ตั้งแต่เขาเริ่มมาขายในสถานที่ชุมนุม ก็มีรายได้เพิ่ม 2 เท่าเป็นประมาณวันละ 6,000 บาท
ถึงแม้อนุชาเพิ่งมาขายไก่ทอดในม็อบครั้งแรกหลังจากเลิกทำสวนยาง แต่เขาบอกว่า เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม และจะไม่ไปขายไก่ทอดในสถานที่ชุมนุมของกลุ่มฝ่ายตรงข้าม
“ผมไม่คิดว่าตัวเองมีจุดยืนทางการเมืองแบบเดียวกับกลุ่มคนเสื้อเหลือง”
ขณะที่ “ณัฐพล” พ่อค้าอีกคน เผยว่า เขาตระหนักดีถึงความเสี่ยงจากการค้าขายในสภาพแวดล้อมที่ล่อแหลมแบบนี้ แต่เนื่องด้วยภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจจากวิกฤติการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่น
“ผมเคยกลัวถูกลูกหลงจากการสลายการชุมนุมของตำรวจ แต่พอได้มาขายที่ม็อบทุกวัน ผมก็คุ้นเคยกับบรรยากาศแล้ว”
-----------------------------
