ฮาวทู 'ช้อปดีมีคืน' ช้อปยังไงให้คุ้ม และประหยัดภาษี
เปิดวิธีใช้สิทธิ์ "ช้อปดีมีคืน" ให้ได้ "ลดหย่อนภาษี" สูงสุด แถมได้ของใช้ที่คุ้มค่า
เมื่อเห็นว่า "ช้อปดีมีคืน" เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สามารถนำมา "ลดหย่อนภาษี" ได้ ผู้เสียภาษีหลายคนก็วางแผนช้อปปิงเพื่อนำค่าใช้จ่ายเหล่านั้นมาลดหย่อนภาษี เพื่อให้ประหยัดภาษี แต่ความจริงแล้วผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ช่วยให้เราประหยัดภาษีเสมอไป "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" จึงจะพาไปดูเงื่อนไขของโครงการ ที่สะท้อนว่า "ช้อปดีมีคืน" ไม่ได้เหมาะกับทุกคน พร้อมฮาวทูถ้าจำเป็นต้องช้อป จะเลือกช้อปยังไงให้คุ้ม
- "ช้อปดีมีคืน" เหมาะกับใคร
"ช้อปดีมีคืน" เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ สามารถนำค่าซื้อสินค้าและบริการที่มีการซื้อขายในช่วง 23 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2563 มา "ลดหย่อนภาษี" เงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี2563 ตามจำนวนจ่ายจริงรวมกันไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน ซึ่งผู้เสียภาษีแต่ละคนจะได้รับสิทธิ์ ลดหย่อนภาษี มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ จำนวนเงินที่ซื้อ และคิดอัตราภาษีคืนตามระดับ เงินสุทธิในแต่ละปี โดยมีโอกาสได้รับเงินคืนภาษีสูงสุดตามระดับรายได้ ดังนี้
- 'ช้อปดีมีคืน' ทำยังไงถึงได้ 'ลดหย่อนภาษี' เต็มสูบ
- 'ช้อปดีมีคืน' เริ่มแล้ว เช็คอีกทีใครมีสิทธิบ้าง?
- ร้านค้าโครงการ 'คนละครึ่ง' เช็คที่นี่ครบจบ อัพเดทล่าสุด
- ถ้าต้องใช้สิทธิ์ "ช้อปดีมีคืน" ซื้อยังไงให้คุ้ม
หากลองพิจารณาดูแล้วพบว่า เราจำเป็นต้องใช้ช้อปดีมีคืน เพื่อช่วยลดหย่อนภาษี ขั้นตอนต่อไป คือ การพิจารณาดูว่า มีสินค้าใดบ้างที่อยู่ในเงื่อนไขของโครงการที่สามารถนำมาใช้ยื่นเพื่อลดหย่อนภาษีได้ ดังนี้
อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้เงื่อนไขของโครงการ คือ การคำนึงถึง "ความจำเป็น" ของสิ่งที่จะซื้อ หลายคนอาจมองข้ามเรื่องนี้เพราะให้ความสำคัญกับการลดหย่อน จนตัดสินใจซื้อแบบไม่ทันได้นึกถึงความคุ้มค่าในการใช้งานที่เหมาะกับตัวเอง
ดังนั้นหากจะใช้สิทธิ์ให้ใช้เวลาสำรวจตัวเอง และค้นหาสินค้าที่จะเกิดประโยชน์กับตัวเองในอนาคต เช่น การซื้อสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย
โดยอาจพิจารณาสินค้าที่จำเป็นต้องใช้อยู่แล้วในอนาคตอันใกล้ อาทิ ยางรถยนต์ ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน หนังสือ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากของที่ช้อปมาได้เต็มที่ และได้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี ที่เรียกได้ว่าได้ประโยชน์ถึง 2 เด้ง