‘ทูตสหรัฐ’ พบ ‘ดอน’ คุยลู่ทางธุรกิจในอีอีซี ไม่มีถามการเมืองไทย
“ดอน ปรมัตถ์วินัย” เผยหลังคุย “ทูตสหรัฐ” นาน 50 นาที ระบุสหรัฐสนใจธุรกิจในอีอีซี ไม่มีถามสถานการณ์ชุมนุม เพราะไม่ใช่ประเด็นสหรัฐ ต้องสนใจการเมืองไทย
เมื่อเวลา 17.15 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายดอน ปรมัถต์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตามที่ฝ่ายสหรัฐได้ขอนัดไว้ล่วงหน้า
หลังหารือเป็นเวลาราว 50 นาที นายดอนให้สัมภาษณ์ว่า การพบกันครั้งนี้เป็นการพบกันอย่างเป็นทางการครั้งที่ 3 แต่เป็นการพบกันครั้งแรกหลังตนเป็นรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านทูตสหรัฐได้ขอนัดหารือหลังจากพบกันในพิธีถวายพระราชสาส์นตราตั้งในโอกาสเข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ประเด็นส่วนใหญ่ที่มีการหารือกันเป็นประเด็นเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ หลังจากที่ท่านได้เข้ามารับตำแหน่งในไทยตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา และได้ไปพูดคุยกับภาคธุรกิจรวมถึงไปดูโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่าจะทำอย่างไรให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจของ 2 ประเทศมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองฝ่าย และมองว่าหลังโควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นทั้งสองทางได้อย่างไร
“การหารือในวันนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่านักธุรกิจที่เข้ามาเป็นทูตเขามีมุมมองอย่างไร ซึ่งท่านก็ได้ส่งข่าวกลับไปที่สหรัฐเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจที่มีอยู่ในไทยนี่คือภาพใหญ่ที่ได้คุยกัน” นายดอน กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการพูดคุยกับสถานการณ์ชุมนุมในไทยหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า ไม่มีเลย มีการพูดกันแค่ 20 วินาทีเท่านั้นในประเด็นนี้ ไม่ได้มีการลงลึก ณ วันนี้เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นของท่าน ภูมิหลังของท่านทูตเป็นนักธุรกิจมาก่อน และเข้ามาในภารกิจที่จะสานสัมพันธ์ทำให้ 2 ประเทศใกล้ชิดกัน ซึ่งผลประโยชน์จะตกแก่ประชาชน เพราะฉะนั้นเราจะไม่สนใจเรื่องการเมือง เพราะมองว่าการเมืองเป็นเรื่องปกติของแต่ละประเทศ จะเดินไปต่อหรืออย่างไรก็ตามที่ทำให้นานาประเทศต้องมาเอาใจใส่หรือห่วงกังวลเป็นพิเศษ
“ณ วันนี้มันไม่ใช่เป็นประเด็นสำหรับสหรัฐ จึงไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องมาสนใจหรือแสดงความคิดเห็นเรื่องการเมือง ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่ตนได้พูดในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวานนี้ว่าต่างประเทศมีความเข้าใจเกือบทั้งหมด และไม่ได้มีท่าทีใดๆ ออกมา แต่ได้แสดงความห่วงใยและหวังว่าเหตุการณ์ดังกล่าวว่าจะไม่ส่งผลบานปลายออกไป และกระทบจนทำให้นานาประเทศต้องมาให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ” รองนายกฯดอน กล่าว
เมื่อถูกถามว่าถือเป็นมิติใหม่หรือไม่ เพราะในอดีตทูตจะให้ความสนใจเกี่ยวกับการเมืองของไทย แต่ดูเหมือนทูตท่านนี้จะให้ความสนใจแต่เรื่องธุรกิจ นายดอนกล่าวว่า เป็นเรื่องดี เพราะเรื่องนี้ถือเป็นประโยชน์กับประชาชนและทำให้เกิดโอกาสทางด้านการค้าการลงทุน จะเรียกเป็นมิติใหม่ก็ได้ เพราะท่านมาในความสนใจของนักธุรกิจ และเห็นโอกาสที่มีอยู่มากมายในไทย เรื่องอื่นก็ไม่ต้องพูดถึงเลย
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ามีการแสดงความเป็นห่วงว่าการชุมนุมจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของต่างประเทศในไทยหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า ไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน เป้าหมายของท่านคือทำให้เกิดการการพัฒนาด้านเศรษฐกิจซึ่งก็เป็นเรื่องดีสำหรับประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการเมกะโปรเจคของรัฐบาลคืออีอีซีว่าในอนาคตโครงการที่เกิดขึ้นจะทำให้บ้านเมืองเป็นไปด้วยดี เพราะเป็นการต่อยอดมาจากโครงการอิสเทิร์นซีบอร์ดที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว
เรื่องนี้ถือเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน รัฐบาลก็อยากเห็นการลงทุนของไทยในต่างประเทศและอยากเห็นการลงทุนของสหรัฐในไทยเช่นกัน นอกจากนี้ยังพูดถึงการประชุมสภาธุรกิจสหรัฐอาเซียนซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 25 พ.ย.นี้ โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีด้านเศรฐกิจ จะได้พูดคุยกับนักธุรกิจชั้นนำของสหรัฐทั้งที่อยู่ในไทย ซึ่งจะมาร่วมประชุมด้วยคนตนเอง และที่อยู่ในสหรัฐซึ่งจะเข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าได้มีการพูดคุยกันถึงม็อบหน้าสถานทูตสหรัฐด้วยหรือไม่ นายดอนกล่าวสั้นๆ ว่า ไม่มี