"สภาฯ" เสนอแผนช่วย ลูกหนี้ กยศ. งดเบี้ยปรับ-งดเก็บดอกเบี้ย-ลดเงินต้น30%

      ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางในการบริหารจัดการการชำระหนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)  สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชินวรณ์​ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานกมธ.ฯ   

       ทั้งนี้รายงานตอนหนึ่ง ซึ่งนายชินวรณ์ นำเสนอมีสาระสำคัญ คือ ข้อมูลเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 มีผู้กู้ยืมเงินกองทุน รวม 5.77 ล้านราย คิดเป็นเงินกู้ยืม รวม 6.22 แสนล้านบาท ปัจจุบันพบการผิดนัดชำระหนี้กว่า 2 ล้านราย หรือคิดเป็น 60% ของจำนวนผุ้กู้ที่อยู่ระหว่างชำระหนี้ คิดเป็นเงินต้นค้างชำระ 78,708 ล้านบาท ทำให้กองทุนต้องใช้สิทธิทางศาลเพื่อบังคับชำระหนี้แก่ลูกหนี้และผู้คำ้ประกัน สำหรับสาเหตุของการผิดชำระหนี้ คือ ความยากจน, ขาดวินัยทางการเงิน, ไม่มีงานทำหลังสำเร็จการศึกษา และปัญหาทางเศรษฐกิจขอครอบครัว

     นายชินวรณ์ นำเสนอถึงแนวทางบริหารจัดการการชำระหนี้กองทุนฯ ช่วงสถานการณ์โควิด-19  ว่า กลุ่มลูกหนี้ที่ต้องแก้ปัญหาเป็นกรณีเร่งด่วน คือ กลุ่มผู้กู้ยืมที่ถูกดำเนินคดี เสนอให้กองทุนฯ เร่งปรับโครงสร้างหนี้ แปลงหนี้ใหม่ หรือ รีไฟแนนซ์หนี้ 1.กรณีของผู้กู้ยืมที่ถูกดำเนินคดีและอยู่ระหว่างการชำระหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งถูกฟ้องร้องก่อนปี 2562 หากผู้กู้ยืนยันชำระเงินคืนให้เสร็จภายใน 3 ปี กองทุนงดการเรียกเก็บเบี้ยปรับ, งดการเก็บดอกเบี้ยค้างชำระทั้งหมด และลดเงินต้นให้ผู้กู้ยืมในอัตราร้อยละ30 , ส่วนผู้กู้ยืมเงินทั่วไป ที่ไม่ยืนยันชำระหนี้3 ปี ควรงดเบี้ยปรับเป็นเวลา 1-3 ปี งดการหักเงินเดือนผ่านนายจ้าง 1-3 ปี และระงับการขายทอดตลาด และชะลอการบังคับหนี้ 1-3 ปี

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส. อภิรายสนับสนุนผลการศึกษาตามรายงานดังกล่าว พร้อมเสนอความเห็น อาทิ ให้ปรับปรุงระบบของกองทุนฯ โดยเฉพาะวิธีการจ่ายเงิน เพื่อให้เกิดความมั่นใจและลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาอย่างแท้จริง, แก้ไขกฎหมายว่าด้วยกองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา ในประเด็นปรับลดเบี้ยปรับ ที่ตามกฎหมายกำหนดเบี้ยปรับ ร้อยละ 7.5 หรือ การคิดดอกเบี้ยของกองทุน, การปรับเกณฑ์คนค้ำประกันบุคคลที่ต้องกรกู้ยืมเงินในกองทุน, ขยายผ่อนคืนเงินต้น 15 ปี.