PTTเดินหน้าธุรกิจใหม่ เร่งปิดดีลโรงงานยา-ไฟฟ้าหมุนเวียนต่างประเทศ
PTTเปิดแอคชั่นแพลนธุรกิจใหม่ สร้างการเติบโตยั่งยืน เร่งปิดดีลซื้อ”โรงงานยา-โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน”ในต่างประเทศ เตรียมเปิดโรงงานแบตเตอรี่ เดินหน้าตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้า เล็งยื่นขอบีโอไอตั้งโรงงานผลิตรถอีวี มั่นใจรายได้ปีหน้าฟื้น จากราคาน้ำมันดีขึ้น
นายอรรถพล กล่าวว่า การที่นายโจ ไบเดน คว้าชัยชนะการเลือกตั้ง จะทำให้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนผ่อนคลายลง ส่วนของสถานการณ์พลังงานยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตา เนื่องจากนายโจ ไบเดน มีนโยบายสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนมากกว่าส่งเสริมพลังงานฟอสซิล ซึ่งอาจส่งผลให้การผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จากสหรัฐออกมาน้อยลง และส่งผลดีต่อทิศทางราคาปรับเข้าสู่สมดุลมากขึ้น
ด้านนางอรวดี โพธิสาโร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร ปตท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ปตท.อยู่ระหว่างหาผู้รับเหมาก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งใหม่(แห่งที่ 7) ในประเทศ เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซฯ แห่งที่ 1 ที่ใช้งานมานานกว่า 30 ปีแล้ว คาดว่าใช้เงินลงทุนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เริ่มการก่อสร้างในปี 2564 และแล้วเสร็จในปี 2566
นอกจากนี้ยังเตรียมรุกเข้าสู่การลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างการเติบโต เช่น การหาโอกาสเข้าลงทุนในธุรกิจ Life Science ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการ (M&A) โรงงานผลิตยาในต่างประเทศ รวมถึงขยายการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจพลังงานใหม่ เช่น Storage Grid Network ,Smart Energy Platform และ EV Charging Station เป็นต้น อีกทั้งเรื่องของเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ ที่มุ่งเรื่องของพลังงานสะอาด เช่น ไฟฟ้า ทำให้ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) น่าสนใจ และปัจจุบันรัฐบาลก็ให้การส่งเสริมการลงทุนรถ EV มากขึ้น
โดยกลุ่มปตท.อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่ต้นแบบ เพื่อทำ Value chain จึงมองโอกาสต่อยอดสู่การจัดตั้งโรงงานผลิตรถอีวีในอนาคตด้วย ซึ่งจะต้องศึกษาการลงทุนอย่างรอบคอบ เพราะมีหลายปัจจัย ทั้งนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐ การผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ความต้องการของตลาดในอนาคต
ในปี 2564 ปตท.ตั้งเป้าใช้งบลงทุนมากกว่าระดับปกติ ที่มีการลงทุนแต่ละปี 8 หมื่นล้านบาท หลังมีแผนลงทุนในธุรกิจใหม่และธุรกิจพลังงานใหม่เพิ่มขึ้น แต่จะเป็นระดับเท่าไหร่นั้น ยังต้องรอการพิจารณาจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทปตท.ในเดือนธ.ค.นี้ อนุมัติก่อน