'ตำรวจ' แจง กมธ.สภา สลายม็อบทำตามหลักสากล
'ตำรวจ' แจง กมธ.สภา สลายม็อบทำตามหลักสากล ยืนยัน ถ้าไม่ละเมิดกฎหมายก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังจัดการ
เมื่อเวลา13.30น. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ(กมธ.)การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานรองประธาน กมธ. พร้อมด้วยนายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย ในฐานะโฆษก กมธ. แถลงภายหลังเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แก่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปะชัย รองผบช.น. และพล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล6 เข้าให้ข้อมูลมาตรการและแนวทางปฏิบัติในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อควบคุมการชุมนุมในพื้นที่กทม. และพื้นที่อื่นๆ
โดยนายณัฏฐ์ชนน กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สรุปยืนยันการดำเนินการจากเบาไปหาหนัก ตามหลักสากล มีการแจ้งเตือนผู้ชุมนุมก่อน หากไม่ได้รับความร่วมมือ จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพื่อระงับเหตุการณืให้เกิดความสงบ โดยทาง กมธ. ได้ฝากข้อเสนอแนะไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ3ประเด็น ได้แก่1.ผู้ชุมนุมที่มีความเห็นต่างกัน 2 ฝ่ายและเข้าไปอยู่ในกลุ่มหนึ่ง จะมีแนวทางป้องกันเฝ้าระวังเหตุอย่างไร 2.ควรมีการสาธิต และประชาสัมพันธ์ ขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้ประชาชนรับทราบ และ3.ใช้วิธีการแบบละมุนละม่อม เป็นมิตร เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงไปมากขึ้น
ด้านนายสัญญา กล่าวในรายละเอียดว่า การบังคับใช้กฎหมายทั้งหมดที่ผ่านมา ได้รับการชี้แจงจาก รองผบ.ตร.ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการสลายการชุมนุมแบบลงลึกในรายละเอียด เริ่มจากการใช้น้ำฉีด จากนั้นจึงใช้สีฟ้าผสมน้ำฉีด ซึ่งเป็นสีชนิด ไวโอเลต2บี เปรียบเสมือนลิปสติก เพื่อใช้ระบุตัวบุคคลที่มาชุมนุม ยืนยันว่าไม่มีอันตราย และเมื่อยังควบคุมไม่ได้จึงมีการใช้แก๊สน้ำตาจำนวน3เปอร์เซ็นต์ผสมน้ำ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากลของยูเอ็นที่เริ่มจาก 3เปอร์เซ็นต์ 6เปอร์เซ็นต์ และ9เปอร์เซ็นต์
“ทาง กมธ. ได้ฝากข้อเสนอแนะ โดยเฉพาะการใช้สาร หรือแก๊สน้ำตา อยากให้ดูว่ามีผลกระทบอย่างไร หากมีการเข้าปาก หรือกลืนกินลงไป แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้แจงว่ามีการเตรียมหน่วยแพทย์ไว้ในพื้นที่อย่างดี นอกจากนี้มาตรการเพิ่มความเข้มข้นในการใช้สารจะเป็นอย่างไร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าถ้าไม่มีการไปรุกล้ำกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ก็จะไม่กระทำ” นายสัญญา กล่าว
นายสัญญา กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุการฉีดน้ำในการชุมนุมเมื่อวันที่8พ.ย.ที่ผ่านมา ที่บริเวณหน้าศาลฎีกา ใกล้กับสนามหลวงนั้น เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า ผู้ชุมนุมเริ่มมีการตัดรั้วลวดหนาม และขยับเข้ามาใกล้จุดที่ต้องควบคุม ถ้าหากปล่อย อาจมีเหตุที่ควบคุมไม่ได้ จึงต้องมีการฉีดน้ำวิถีโค้ง ขณะที่สาเหตุการสลายการชุมนุมที่แยกปทุมวัน เมื่อวันที่16ต.ค.ที่ผ่านมา เริ่มมาจากการพบว่ามีการ์ดของผู้ชุมนุมได้เริ่มเข้ามาปะทะเจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บ เริ่มมีความรุนแรง จนเริ่มที่จะควบคุมไม่ได้ จึงต้องมีการฉีดน้ำสลายการชุมนุม
เมื่อถามว่า ในกมธ. ได้มีการหารือถึงเหตุการณ์การที่มีมวลชนฮือเข้าล้อมรถของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่จังหวัดภาคใต้ หรือไม่ รองประธาน กมธ. กล่าวว่า ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่ได้เน้นย้ำฝากเป็นมาตรการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมไม่ให้เกิดความรุนแรง โดยเฉพาะบุคคลที่เห็นต่างกัน2ฝ่าย แล้วเข้าไปอยู่ในกลุ่มหนึ่ง