‘ซีพีเอฟ-ไทยฟู้ดส์’งบแจ่ม! รับอานิสงส์ราคาหมูขาขึ้น
ตลาดหุ้นไทยเริ่มมีการปรับฐานให้เห็นแล้ว หลังใส่เกียร์เดินหน้าบวกมา 3 วันติดรวมกว่า 80 จุด รับข่าวดีผลการเลือกตั้งสหรัฐที่ “โจ ไบเดน” สามารถคว้าชัยเหนือ “โดนัลด์ ทรัมป์” ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46
รวมทั้งความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคที่มีประสิทธิมากกว่า 90% ช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก แต่แน่นอนเมื่อขึ้นแรง ซึมซับข่าวบวกไปมากแล้ว ในขณะที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ตลาดย่อมพักฐานเป็นธรรมดา
โดยมีแรงขายกระจายออกไปในหลายๆ กลุ่ม แต่เผอิญช่วงนี้เป็นฤดูประกาศผลประกอบการ ซึ่งตัวไหนงบสวยก็จะมีแรงซื้อไล่ราคาขึ้นมาสวนกระดาน หนึ่งในนั้นมี บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ปิดที่ 4.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.24 บาท หรือ 5.63%
ไปเปิดงบดูถือว่าน่าประทับใจ เติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยไตรมาส 3 ปี 2563 ตุนกำไรไปทั้งหมด 1,062.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 80.27% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 589.46 ล้านบาท ตามการเติบโตของรายได้ โดยในไตรมาสนี้มีรายได้รวมทั้งหมด 8,544.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.40% จาก 7,534.36 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน
“ธุรกิจหมู” ยังคงเป็นดาวเด่น ทำรายได้ 2,726.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.96% จาก 2,034.94 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน หลังราคาเนื้อหมูปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ยอยูที่ 83.48 บาทต่อกิโลกรัม เทียบกับงวดปีก่อนที่ 66.79 บาทต่อกิโลกรัม และมียอดขายรวม 27,779.29 ตัน เพิ่มขึ้น 4.90% จากงวดปีก่อน หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายนำมาสู่การปลดล็อกดาวน์
ส่วน “ธุรกิจอาหารสัตว์” ยังไปได้สวยมีรายได้รวม 1,500.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.67% จากระดับ 1,213.72 ล้านบาท ในงวดปีก่อน แต่ “ธุรกิจไก่” ไม่ค่อยดี ทำรายได้ 4,166.86 ล้านบาท ลดลง 1.80% จาก 4,243.27 ล้านบาท ในงวดปีก่อน หลังราคาขายไก่เฉลี่ยไตรมาสนี้ลดลงเหลือ 37.81 บาทต่อกิโลกรัม เทียบกับงวดปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 38.51 บาทต่อกิโลกรัม
หากดูภาพรวมตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา ถือว่ายังแจ่ม! แม้ปีนี้จะเกิดโรคระบาดโควิด-19 ต้องล็อกดาวน์ปิดเมือง ปิดประเทศ เศรษฐกิจตกต่ำกระทบกำลังซื้อ แต่ผลประกอบการของ TFG สามารถทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ มีรายได้รวม 23,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากงวดปีก่อน กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,135 ล้านบาท พุ่งแรงถึง 63% เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือน ปี 2562
ปัจจัยหนุนสำคัญเป็นผลมาจากราคาเนื้อหมูในประเทศที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น จากช่วงต้นปีที่ราวๆ 60 บาทต่อกิโลกรัม มาทะลุ 80 บาทต่อกิโลกรัมในปัจจุบัน หลังซัพพลายหมูของจีนและเวียดนามลดลง เนื่องจากเกิดโรคระบาดอหิวาต์สุกร (ASF) ทำให้หมูล้มตายจำนวนมาก
ขณะที่การเติบโตของยอดขายในประเทศช่วยชดเชยยอดส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 โดยเฉพาะในยุโรปซึ่งเป็นอีกหนึ่งตลาดหลักของบริษัท ส่วนต้นทุนอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น ทั้งกากถั่วเหลือง ข้าวโพด กระทบไม่มาก เพราะส่วนใหญ่ได้สั่งซื้อและล็อกราคาไว้ล่วงหน้า
ถามว่าช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีจะเป็นอย่างไร? ดูแล้วตลาดในประเทศน่าจะชะลอตัวตามปัจจัยฤดูกาล เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลกินเจ แต่ตลาดส่งออกเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังโรคระบาดเริ่มคลี่คลาย โดยเฉพาะไก่ที่ปริมาณการส่งออกเร่งตัวขึ้น เนื่องจากหลายประเทศแบนด์การนำเข้าไก่จากบราซิลทำให้ต้องหาตลาดอื่นมาทดแทน
นอกจากจะมีข่าวดีเรื่องผลประกอบการแล้ว ยังต้องแสดงความยินดีกับ TFG หลังเป็น 1 ใน 9 หุ้นที่ได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Small Cap รอบใหม่ ช่วยเติมเสน่ห์เพิ่มความน่าสนใจ
หันไปดูที่พี่ใหญ่ประจำกลุ่ม บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ดูดีไม่แพ้กัน ประกาศงบออกมาหลังปิดตลาดไปแล้ว ไม่ทำให้ผิดหวัง กำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2563 รวม 7,474.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เทียบกับงวดปีก่อน ตามรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 157,805 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 19% จากงวดปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นเร่งตัวขึ้นแตะ 19% จากงวดไตรมาส 3 ปี 2562 ที่ระดับ 14%
แน่นอนว่าพระเอกหลักมาจากธุรกิจหมูที่ราคาหมูในตลาดเอเชียปรับตัวขึ้นแรง โดยเฉพาะในเวียดนาม ไทย และกัมพูชา ส่วนธุรกิจกุ้งในประเทศสดใส หลังปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ ส่งผลให้ 9 เดือน บริษัทตุนกำไรเข้ากระเป๋าไปแล้ว 19,613.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จาก 14,445 ล้านบาท จากช่วงปีก่อน ขณะที่ภาพในระยะยาวจะได้รับประโยชน์จากการเข้าไปซื้อฟาร์มหมูในจีน