ออมสินดันธุรกิจจำนำทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ใน 3 ปี

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสินเปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายว่า ในปีแรกของการดำเนินธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และจักรยานยนต์หลังเข้าร่วมทุนกับบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด จะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ถึง 1 ล้านราย มียอดสินเชื่อราว 2 หมื่นล้านบาท และ จะมีผลตอบแทนที่ดีในระยะเวลาอันสั้น จากนั้น คาดว่า ภายใน 3 ปี จะนำธุรกิจที่ร่วมทุนดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการของธนาคารได้อนุมัติการร่วมลงทุนกับบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือSWAD โดยธนาคารจะเข้าลงทุนในหุ้นสามัญ สัดส่วนไม่เกิน 49% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ในจำนวนเงินไม่เกิน 1.5 พันล้านบาท

เขากล่าวว่า การร่วมดำเนินธุรกิจจะเริ่มได้ราวไตรมาสแรกของปีหน้า เป้าหมายการร่วมทุนครั้งนี้ เพื่อทำให้โครงสร้างอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อดังกล่าวปรับลดลงสู่ระดับ 18% เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยสูงสุดถึง 24% โดยเราเชื่อว่า ผลกระทบที่มีต่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดให้ปรับลดลงจะเกิดขึ้นภายใน 2 ปีที่ธนาคารได้ทำธุรกิจดังกล่าวไปแล้ว

“การลดอัตราดอกเบี้ยลงมา ไม่ได้ทำให้เราขาดทุน ในทางกลับกัน จะทำให้เรามีผลตอบแทนที่ดีในระยะอันสั้น โดยอัตราดอกเบี้ยที่ปล่อยจะอยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ ผลตอบแทนระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับดอกเบี้ยเงินฝากหรือNIMของแบงก์รัฐในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำกว่า 2% แบงก์พาณิชย์อยู่ที่ 3-3.5% ส่วนธุรกิจจำนำทะเบียนอยู่ที่ 15-20% ฉะนั้น การที่ศรีสวัสดิ์มาร่วมลงทุนกับเราถือว่า ใจกว้างมาก”

เขากล่าวว่า ปัจจุบันลูกค้าในตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนมีอยู่ 3 ล้านราย ยังมีอีกกกว่า 3 ล้านรายที่ยังไม่สามารถเข้าระบบได้ ฉะนั้น ธนาคารจึงต้องการที่จะเข้าไปช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มนี้ ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำได้ โดยธนาคารมีสาขาที่จะให้บริการจำนวน 1 พันสาขา บวกกับ ศรีสวัสดิ์อีก 5 พันสาขา เชื่อว่า จะรองรับการให้บริการสินเชื่อดังกล่าวได้

ด้านนางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท เงินสดทันใจ จำกัดกล่าวว่า ในระยะแรกที่เกิดการระบาดโควิด-19 ท่านนายกรัฐมนตรี ได้ส่งจดหมายมาถึงบริษัท โดยขอให้ช่วยทำอะไรดีให้กับสังคม ซึ่งบริษัทก็รับนโยบายและมุ่งมั่นที่จะตอบแทนสังคม ดังนั้น เมื่อธนาคารออมสินยื่นข้อเสนอ เราก็พร้อมที่จะร่วมดำเนินธุรกิจกับธนาคาร โดยเชื่อว่า จะสามารถให้บริการสินเชื่อดังกล่าวแก่รายย่อยได้ 1 ล้านรายในปีแรก จากนั้น ก็เชื่อว่า ประชาชนจะทราบและหันมาใช้บริการสินเชื่อของเรามากขึ้น

นางสาวธิดากล่าวด้วยว่า ในระยะแรกของการให้บริการ เราจะดึงลูกค้าเก่าของธนาคารออมสินก่อน โดยจะให้บริการสำหรับผู้ที่มีวินัยในการชำระเงิน ส่วนลูกค้าในระยะต่อไป เราจะขอศึกษาตลาดก่อน สำหรับลูกค้าเก่าของบริษัทนั้น สามารถที่จะเลือกมาใช้สินเชื่อใหม่ของบริษัทได้

ทั้งนี้ บริษัทดำเนินธุรกิจดังกล่าวมาเป็นระยะเวลาประมาณ 40 ปี มีสาขาที่ให้บริการอยู่ในกลุ่มชุมชน สามารถดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ฉะนั้น เราเชื่อว่า จะสามารถคุมความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ ขณะที่ บริษัทสามารถปล่อยสินเชื่อได้ระยะเวลา 15-30 นาที ปัจจุบัน อัตราหนี้เสียของกลุ่มอยู่ที่ 4-6% ส่วนธุรกิจจำนำทะเบียนอยู่ที่ 1-2% เท่านั้น ปัจุจบัน บริษัทมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่อันดับสองของธุรกิจ