‘737แม็กซ์’เตรียมขึ้นบิน-ข่าวดีท่ามกลางวิกฤตของโบอิง

‘737แม็กซ์’เตรียมขึ้นบิน-ข่าวดีท่ามกลางวิกฤตของโบอิง

‘737แม็กซ์’เตรียมขึ้นบิน-ข่าวดีท่ามกลางวิกฤตของโบอิง หลังเผชิญปัญหาน่าปวดหัวตลอดเกือบ2ปีเต็มทั้งปลดผู้บริหาร แบรนด์สูญเสียความน่าเชื่อถือ และถูกตรวจสอบด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

หลังจากถูกตรวจสอบแบบละเอียดยิบ มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และเกิดปัญหาขัดแย้งต่างๆนาๆกับคณะผู้คุมกฏเป็นเวลาเกือบสองปีเต็ม ในที่สุด โบอิง โค ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมการบินสหรัฐก็เตรียมได้รับไฟเขียวจากสำนักงานบริหารการบินรัฐบาลกลางสหรัฐ(เอฟเอเอ)ให้นำเครื่องบินโบอิง 737 แม็กซ์ขึ้นบินได้อีกครั้ง โดยเอฟเอเอจะให้รายละเอียดการปรับปรุงซอฟต์แวร์และเปลี่ยนแปลงการฝึกอบรมแก่โบอิงเพื่อให้บริษัทนำไปใช้หลังจากนำเครื่องบินรุ่นดังกล่าวให้บริการอีกครั้ง

บริษัทโบอิง โค ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า บริษัทได้ตัดสินใจระงับการผลิตเครื่องบินรุ่น 737 แม็กซ์เป็นการชั่วคราว โดยเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. ที่ผ่านมา เนื่องมาจากความกังวลด้านความปลอดภัย หลังจากเกิดเหตุการณ์เครื่องบินรุ่น 737 แม็กซ์ของโบอิงตกถึง 2 ครั้ง และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

โบอิง บอกด้วยว่ามีเครื่องบินรุ่น 737 แม็กซ์ค้างสต็อกอยู่จำนวน 400 ลำ เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินได้สั่งระงับการขึ้นบินของเครื่องบินรุ่นนี้ โบอิงจึงตัดสินใจนำเครื่องบินที่เหลืออยู่ในสต็อกออกมาทยอยส่งมอบให้กับลูกค้า

เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2562 เครื่องบินโบอิง 737 แม็กซ์ 8 ของสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ ประสบอุบัติเหตุตกหลังจากขึ้นบินได้เพียง 6 นาที ทำให้ผู้โดยสาร 157 รายบนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียง 5 เดือนหลังจากเครื่องบินรุ่นเดียวกันของสายการบินไลอ้อนแอร์ ตกเมื่อเดือนต.ค.ปี2561 และคร่าชีวิตผู้โดยสารทั้งหมด 189 ราย

โศกนาฏกรรมที่ห่างกันเพียงแค่ 5 เดือน ทำให้เอฟเอเอต้องเข้ามาสอบสวนเป็นการใหญ่ จนทำให้มีการปลดบรรดาผู้บริหารของโบอิงออกหลายคน ทั้งยังสั่นคลอนความเป็นผู้นำของสหรัฐในอุตสาหกรรมการบินพลเรือนโลก ที่สำคัญโบอิง ต้องเสียเงินไปกับการถูกห้ามนำเครื่องบินรุ่นนี้ออกให้บริการเป็นเงินถึง 20,000 ล้านดอลลาร์

เครื่องบินโดยสารรุ่นขายดีที่สุดของโบอิงจะหวนกลับมาให้บริการอีกครั้งในช่วงที่บริษัทกำลังเจอกระแสลมตีกลับอย่างแรง ทั้งจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 การถูกเรียกเก็บภาษีจากสหภาพยุโรปและการที่แบรนด์โบอิงกลายเป็นแบรนด์ที่ไม่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในอุตสาหกรรมการบิน

สหภาพยุโรป (อียู)เตรียมประกาศขึ้นภาษีสินค้าและบริการจากสหรัฐ รวมมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากความขัดแย้งจากข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการอุดหนุนโบอิง ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ และยังไม่มีสัญญาณว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถตกลงกันได้ในเร็ววันนี้

เจ้าหน้าที่อียูประกาศเมื่อวันจันทร์(16พ.ย.)ว่า จะเดินหน้าตามแผนขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐหลายประเภท รวมถึง ผลไม้แห้ง ยาสูบ เหล้ารัม และชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์

คำประกาศนี้มีขึ้นหลังจากที่องค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) มีคำตัดสินว่า บริษัทโบอิงได้เปรียบอย่างไม่เป็นธรรมต่อคู่แข่ง คือ บริษัทแอร์บัส จากการที่ได้รับการยกเว้นทางภาษีจากรัฐวอชิงตัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของโบอิง

“โรเบิร์ต ไลธ์ไฮเซอร์” ผู้แทนการค้าสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐผิดหวังต่อการตัดสินใจของยุโรปที่จะใช้มาตรการทางภาษีชุดใหม่ต่อสหรัฐแม้ว่าเมื่อปีที่แล้วดับเบิลยูทีโออนุญาตให้สหรัฐสามารถขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจากยุโรปได้เป็นมูลค่าไม่เกิน 7,500 ล้านดอลลาร์ เพื่อทำโทษที่อียูให้การอุดหนุนบริษัทแอร์บัสเช่นกัน

สหรัฐและอียูมีข้อพิพาทการค้าระหว่างกันในอุตสาหกรรมการบินมาตั้งแต่ปี 2547 จากประเด็นการให้การสนับสนุนบริษัทผู้ผลิตอากาศยาน 2 รายใหญ่ คือ แอร์บัส และโบอิง และเท่าที่ผ่านมาองค์การการค้าโลก มีคำตัดสินที่คัดค้านการสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินของทั้ง 2 ฝ่ายสลับกันไป

ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า ประเด็นความขัดแย้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรมเท่านั้น แต่อาจขัดกับกฎหมายการค้าระหว่างประเทศด้วย

บรรดาสายการบินหลายแห่ง ที่คาดการณ์ว่าเอฟเอเอจะอนุมัติให้เครื่องบินโดยสาร737 แม็กซ์ขึ้นบินอีกครั้ง เตรียมนำเครื่องบินรุ่นนี้ออกให้บริการในเที่ยวบินต่างๆวันที่ 29 ธ.ค.นี้อย่างกรณีสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ แต่สายการบินเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ซึ่งมีเครื่องบินรุ่นแม็กซ์มากที่สุด ยังไม่มีแผนนำเครื่องบินรุ่นนี้ขึ้นบินจนกว่าจะถึงช่วงไตรมาสสองของปี 2564