'วราวุธ' ผุดไอเดีย 'ชิงเก็บก่อน' ลดปริมาณเกิดไฟป่าภาคเหนือ
“วราวุธ” ตรวจความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าภาคเหนือช่วงวันหยุด ผุดไอเดีย “ชิงเก็บก่อน” ลดปริมาณเกิดไฟป่า
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2563 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ศูนย์ฝึกอบรมที่ 4 (เชียงราย) มอบนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันให้กับส่วนราชการต่างๆ ในระดับจังหวัด โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมในการมอบนโยบายครั้งนี้ด้วย
รมว.ทส. ได้กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเรื่องการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างมาก ไม่ว่าจะเรื่องของการเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้ตระหนักถึงปัญหา PM2.5 และลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรม สำหรับแนวทางการป้องกันแก้ไข มีทั้งการแจ้งเตือน เน้นการมีส่วนร่วมกับประชาชนในพื้นที่ ลดการสร้างปัญหากับพี่น้องประชาชน มาช่วยกันแก้ปัญหา มีจัดระเบียบการเผา ลดเชื้อเพลิงในการเกิดไฟป่า จุดเริ่มต้นสำคัญการป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่า การเตรียมความพร้อม ในการบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือ และใช้เทคโนโลยี ด้านสารสนเทศ เข้ามาดำเนินการ ในการปฎิบัติงานในพื้นที่
รมว.ทส. ยังกล่าวอีกว่า “เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหมอกควันไฟป่าและการเผาไหม้ในที่โล่งเหมือนปี63 ต้นปีที่ผ่านมา ในปีนี้มีมาตรการหลายๆ อย่างในการป้องกัน เราจะพูดถึงมาตรการ “ชิงเก็บก่อน” เก็บในที่นี้หมายถึงการบริหารเชื้อเพลิง การเก็บเอาต้นไม้ใบไม้ที่ร่วงลงดินแล้ว ซึ่งจะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เก็บออกมาภายนอก ไม่ว่าจะเป็นนอกเขตป่าอนุรักษ์ หรือนอกเขตป่าสงวน การเก็บออกมาไม่ว่าจะโดยภาคราชการเก็บเองหรือพี่น้องประชาชนเก็บออกมานั้น พอออกมาแล้วเราจะมีวิธีแปรสภาพใบไม้เศษไม้หรือเศษวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร ให้เป็นสินค้าที่สามารถขายได้ ยกตัวอย่างเช่นนำเอาใบไม่มาบดอัดไปเผาจนกลายเป็นถ่านอัดแท่ง หรืออการนำเอาใบไม้เหล่านี้ไปเป็นเชื้อเพลิง RDF ในการเอาเศษวัสดุเหลือใช้ด้านการเกษตรไปแปรรูปเป็นสินค้าชนิดอื่นๆ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็จะเป็นมาตรการให้พี่น้องประชาชนลดปริมาณการเผา ในฤดูกาลเผาที่จะเกิดขึ้นในปี 2564 ที่สำคัญสิ่งต่างๆ ที่เราเก็บออกมาสามารถนำไปขายสร้างรายได้ได้
ดังนั้น นอกจากเราจะป้องกันปัญหาการเกิดฝุ่นควันหรือว่าปัญหาหมอกควันแล้ว พี่น้องในพื้นที่ก็จะได้รับประโยชน์มีรายได้เสริมจากการเก็บวัสดุเหล่านี้ออกมาขายให้กับภาคเอกชน หรือ บริษัทห้างร้านต่างๆ ขณะนี้ก็มีบริษัทเอกชนหลายรายให้ความสนใจและแสดงเจตจำนงมาแล้ว ที่จะรับซื้อใบไม้แห้งถึง 400-500 ตัน
ดังนั้น ถ้าทุกจังหวัดในภาคเหนือสามารถที่จะรวบรวมเอาวัสดุเหลือใช้ เศษใบไม้ เศษเชื้อเพลิงเหล่านี้ไปบริหารจัดการขายได้แล้ว จะเกิดรายได้กับพี่น้องประชาชน พี่น้องเกษตรกรอย่างมหาศาล และเมื่อถึงช่วงมกราคม-มีนาคม ที่เข้าสู่ฤดูการเผา ผมก็เชื่อว่าจะทำให้ปริมาณ hot spot หรือโอกาสในการที่จะเกิดไฟป่า น้อยลงไปตามลำดับ”
หลังจากนั้น รมว.ทส.ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและให้ขวัญกาลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน ณ อุทยานแห่งชาติขุนแจ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย เยี่ยมชมกิจกรรมการบริหารจัดการเชื้อเพลิง ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชุมชนเครือข่ายการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน และเครือข่ายชุมชนอนุรักษ์ต้นน้าลาว