เจาะลึก 'ทางรอด' ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลัง Covid-19

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มมีมาตั้งแต่ราวปลายปี 2562 และเริ่มขยายวงกว้างไปทั่วโลกในปี 2563 รวมถึงประเทศไทย ผลกระทบที่เกิดขึ้นขยายวงกว้างไปในหลายภาคส่วน นอกจากผลกระทบด้านสุขภาพของประชากรทั่วโลกที่ต้องระมัดระวังเรื่องของสุขอนามัยมากขึ้นแล้ว การล็อกดาวน์เมืองต่างๆ และการปิดประเทศ งดการเดินทางข้ามประเทศ ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมาก กำลังซื้อที่ลดลง แรงงานตกงาน ส่งผลต่อภาคอสัหาริมทรัพย์ไทย

แม้ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าในประเทศไทยจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับความคืบหน้าของวัคซีน ทำให้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น แล้วทางออกของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป?

"ดนัย มหรรณพนที" Strategic Planning Director บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด ได้กล่าวถึงการพลิกฟื้นยอดขายของธุรกิจอสังหริมทรัพย์ โดยเฉพาะนักการตลาดอสังหาริมทรัพย์จากการใช้ประโยชน์ของข้อมูล ในหัวข้อ The Return of Rising Real Estate Era ไว้อย่างน่าสนใจว่า "ข้อมูลจากโลกดิจิทัล” ถือเป็นหนึ่งในขุมทรัพย์ที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยนักการตลาดสามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์จาก Google เช่น Google Trends หาอินไซต์ที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นแคมเปญเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้ อาทิ ปัญหาที่ลูกบ้านพูดถึงบ่อยครั้งในช่วง Covid-19 

- ปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ครัวของคอนโดมิเนียมที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการ

- สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ไม่เพียงพอต่อการ Work From Home 

สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป สู่การให้ความสำคัญกับประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมากขึ้น ซึ่งแบรนด์ที่สามารถสื่อสารได้อย่างตรงจุด จะสามารถชนะใจผู้บริโภคได้ในที่สุด ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ยอดขายที่จะเกิดขึ้นนั้น ขึ้นอยู่กับโครงการว่าสามารถเข้าถึงและเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงสามารถใช้เครื่องมือทางการตลาดดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ 

"อนุพงศ์ จันทร" Chief of Digital Media บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวเสริมว่า นักโฆษณาอยู่ในยุคที่ต้องปฏิรูปการซื้อโฆษณาออนไลน์ให้แตกต่างจากเดิม คือ ต้องให้ความสำคัญกับ 3 ปัจจัยต่อไปนี้ 1.กลุ่มเป้าหมาย 2.ชิ้นงานโฆษณาที่ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ และ 3.แพลตฟอร์มที่จะลงโฆษณาด้วย เช่น YouTube, Facebook, Instagram, Tiktok ฯลฯ ซึ่งต้องทำการ Optimization 

ทั้งสามปัจจัยไปพร้อมๆ กัน จึงจะทำให้การสื่อสารจากแบรนด์มีประสิทธิภาพสูงสุด และยังช่วยประหยัดงบประมาณให้กับแบรนด์ได้มากขึ้นด้วย อย่างYDM Thailand ในปัจจุบันมีการใช้ Data & AI Technology เข้ามาช่วยวางแผนในการซื้อสื่อดิจิทัล ซึ่งจะเป็นการทำ Dynamic media optimization แบบ 360 องศา ทั้งการทำ platform optimization, content optimization และ target optimization เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดให้กับลูกค้า”

ขณะที่ "ณัฐพล จิตงามพงศ์" Research & Data Analytics Director บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวถึงอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้การทำการตลาดอสังหาริมทรัพย์บนโลกดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพ คือ “ฐานข้อมูล” (Database) ซึ่งปัจจุบันมีการลงทุนพัฒนาฐานข้อมูลสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ เพื่อเป้าหมายใหญ่ ๆ 3 ประการ คือ การสร้างรายได้เพิ่ม, การลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจ

"การมีฐานข้อมูลที่ดียังทำให้แบรนด์ค้นพบว่าอะไรคือสิ่งที่ลูกค้าไม่ชอบใจ หรือไม่สนใจ ซึ่งโครงการอสังหาริมทรัพย์สามารถตัดออกจากการก่อสร้างเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายได้ การเข้าใจอินไซด์ทำให้บ้านที่โครงการออกแบบมาตอบโจทย์และตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น" 

"ชฎากร ธนสุวรรณเกษม" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AVG Thailand บริษัทในเครือ YDM Thailand สะท้อนภาพความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์จากนักลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะในเขตหัวเมืองอย่างมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซู, เซี่ยงไฮ้, ปักกิ่ง และเจ้อเจียง ที่เพิ่มสูงขึ้นว่า แสดงให้เห็นว่าแม้การเดินทางระหว่างประเทศจะหยุดชะงัก จนทำให้นักลงทุนไม่สามารถเข้ามาดูโครงการจริงได้ด้วยตัวเอง

แต่หากนักการตลาดเข้าใจ และสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ยังสามารถสร้างยอดขาย จากนักลงทุนชาวจีนได้เช่นกัน พร้อมเผยเทคนิคที่นักการตลาดสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเข้าถึง ตลาดจีนนั้น 3 ข้อ คือ 

• สร้าง content อย่างต่อเนื่องบนคอมมูนิตี้ออนไลน์ของคนจีน โดยเฉพาะคนจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ (Active on online community) และสามารถบอกต่อได้
  
  
• การออกแบบเว็บไซต์ให้เข้าถึงง่ายและค้นหาได้ผ่านไป่ตู้ เสิร์ชเอนจินของจีน รวมถึงมีรีวิวที่ดี เพื่อให้เกิดการบอกต่อ (Visible on Baidu search engine by a chinese friendly website & Good Reviews

•  การมีตัวตนในสื่อโซเชียลมีเดียของจีนอย่างวีแชท, โถวเถียว, จือฮู ฯลฯ ให้เกิดประโยชน์ (Get Social Media Presence in China)

นอกจากนี้สิ่งที่โครงการอสังหาริมทรัพย์ควรให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคหลัง Covid-19 คือ “คลิปรีวิวแบบ 360 องศา” จะช่วยให้นักลงทุนจีนเห็นภาพของห้องพักได้ดียิ่งขึ้น โดยเทคนิคที่นักการตลาดสามารถใส่ลงไปในคลิปด้วยนั้นอาจเป็นการใส่เข็มทิศ เพื่อบอกทิศทางของห้อง ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจด้านฮวงจุ้ย หรือการถ่ายทำโดยให้มองเห็นธรรมชาติ ต้นไม้ สระว่ายน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนจีนให้ความสำคัญนั่นเอง

"ภาสพงศ์ ผลิกะพันธ์" New Business Director กล่าวทิ้งท้ายว่า หากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ สามารถจับมือกันจัดงาน Virtual Exhibition เพื่อโปรโมทโครงการนี้ จะไม่เพียงประหยัดงบประมาณในการโฆษณา แต่ยังได้ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจอย่างที่ไม่สามารถได้รับจาก Facebook หรือ Google อีกด้วย

ข้อดีของการจัด Virtual Exhibition ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็คือ ผู้บริโภคสามารถดูข้อมูลพร้อมคลิปนำเสนอของโครงการเพื่อเปรียบเทียบโครงการต่างๆ และพูดคุยกับเซลเบื้องต้นได้ทันที ก่อนที่จะเดินไปดูโครงการจริง ซึ่งวายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) มีแพลตฟอร์ม “Virtual Solution” ที่ไม่เพียงช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ให้กับผู้จัดงานได้มากถึง 80% เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการจัดงานแบบปกติ และยังรองรับจำนวนผู้เข้าร่วมงานได้มากขึ้น เพราะไม่มีข้อจำกัดด้านสถานที่จัดงานใดๆ

รวมทั้งยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถต่อยอดสู่การทำ Digital Marketing ได้ดีขึ้นอีกด้วย เนื่องจากการจัด Virtual Exhibition นั้น ผู้จัดงานสามารถเก็บข้อมูลได้ว่าลูกค้าให้ความสนใจโครงการใดเป็นพิเศษ ซึ่งสามารถนำไปทำ Re-Targeting ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้ในอนาคตอีกด้วย

“Thailand Virtual Property Expo 2021 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีหน้า จะเป็นดิจิทัลโซลูชั่นที่จะช่วยเชื่อมต่อคนซื้อและคนขาย ช่วยสร้างโอกาสในวิกฤติให้ผู้ประกอบการ Real estate ในไทยและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย ถ้าผู้ประกอบการท่านใดสนใจเข้าร่วมงาน สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ YDM Thailand” คุณภาสพงศ์ กล่าว