เอกชน คาดปีหน้าเศรษฐกิจดีขึ้น
เอกชนห่วงชุมนุมรุนแรงฉุดการค้าการลงทุน ด้านม.หอการค้า" คาดปี'64 มีปัจจัยหนุนส่งให้ ศก.ไทย ทั้งปีโต 4% หากการเมืองไม่รุนแรง
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของธุรกิจในปี 2564 มองว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะดีขึ้นจากปี 2563 ข้อกังวลตอนนี้อยู่ที่ภาคการส่งออกของไทย เนื่องจากติดปัญหาค่าขนส่งทางเรือที่แพงขึ้น ตู้คอนเทนเนอร์มีไม่เพียงพอ การดึงหรือซื้อตู้มาจากต่างประเทศก็มีต้นทุนแพงขึ้น อีกทั้งเรื่องการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องมีการหารือร่วมกันอีกครั้ง
สำหรับการชุมนุมทางการเมืองนั้น ทางภาคเอกชนมีความเป็นห่วงและกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ซึ่งขณะนี้การลงทุนเริ่มมีเพิ่มขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนไทยและต่างชาติก็ต่างกังวลถึงเรื่องนี้ จึงอยากให้ภาครัฐกับผู้ชุมนุมหาแนวทางเจรจาร่วมกันด้วยสันติวิธี เพื่อยุติการชุมนุม
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในขณะนี้เริ่มปรับตัวดีขึ้น คาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 4/2563 น่าจะได้เห็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ หรืออยู่ที่ติดลบ 4-5% สำหรับความเชื่อมั่นนักธุรกิจจากหอการค้าทั่วประเทศก็ปรับตัวดีขึ้น อาทิ ภาคยานยนต์ ภาคเครื่องจักรกลทางการเกษตร เริ่มรับรู้ได้ว่าต่างจังหวัดมีกำลังซื้อมากขึ้นด้วย
ขณะที่มาตรการของรัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่ง,การปรับตัวของราคาพืชผลการเกษตรฟื้นตัว และภาคการส่งออกดีมีสัญญาณที่ดีขึ้น น่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งปีขยายตัวได้ติดลบ 6% น่าจะมีแรงเหวี่ยงให้ปี 2564 มีแรงสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้เป็นบวกประมาณ 4% หากสถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งในตอนนี้เริ่มเห็นกระแสของวัคซีนรักษาโรคออกมาแล้ว ส่งผลต่อไปยังตลาดหุ้นการลงทุน เมื่อทดลองใช้ได้ก็จะทำให้กระแสการจับจ่ายใช้สอยกลับมาดีมากขึ้น รวมถึงส่งผลให้ไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศภายใต้แนวทางทราเวลบับเบิ้ลได้อีกด้วย
ส่วนในเรื่องของเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองในปัจจุบัน นั้น จุดแรกยังวิเคราะห์ยากที่จะวิเคราะห์ว่าการชุมนุมจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากน้อยขนาดไหน แต่ในปัจจุบันมองว่ายังไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่จุดสำคัญอยู่ที่ผู้ชุมนุมมีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ที่สำคัญคือต้องไม่มีการปะทะ
"ที่ผ่านมาการชุมนุมยังไม่มีการค้างคืน เป็นเพียงการแสดงออกทางการเรียกร้องเท่านั้น ไม่มีความรุนแรงปรากฎ แต่ความวุ่นวายใจยังมีอยู่ทำให้เศรษฐกิจไทยโตได้ไม่เต็มที่ หากยกระดับและมีความรุนแรงเมื่อใด ก็จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าทันที จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 2/2564 หากสถานการณ์มีความยืดเยื้อรุนแรงมากขึ้นอาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยไปฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 ได้" นายธนวรรธน์ กล่าว