'คนละครึ่งเฟส2' เคาะหลักเกณฑ์แล้ว! ลงทะเบียน 16 ธ.ค. นี้
ครม. มีมติเห็นชอบ อนุมัติ หลักเกณฑ์ "คนละครึ่งเฟส2" แล้ว ยืนยัน 16 ธันวาคม 2563 นี้ พร้อมเปิดลงทะเบียนแน่นอน 6 โมงเช้าเป็นต้นไป
ความคืบหน้า มาตรการคนละครึ่งเฟส2 วันนี้ (วันที่ 8 ธันวาคม 2563) คณะกรรมการเงินกู้ได้มีการเสนอหลักเกณฑ์เพื่อให้เกิดความชัดเจน โดยในที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบ หลักเกณฑ์ ดังนี้
ผู้ที่ได้รับสิทธิตามโครงการคนละครึ่งระยะที่ 2 จะมีทั้งสิ้น 15 ล้านคน ประกอบไปด้วย
- ผู้ที่ได้รับสิทธิเดิม 10 ล้านคน
- ผู้ที่ได้รับสิทธิใหม่อีก 5 ล้านคน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
โดยรายละเอียดมาตรการ คนละครึ่งเฟส2 ก็เป็นไปตาม ศบศ. ที่เคยแถลงการณ์เอาไว้ คือ
ผู้ที่ได้สิทธิเดิมอยู่แล้ว จะได้รับเงินอีก 500 บาท บวกกับเงินเดิมที่เคยได้ในเฟสแรก 3,000 บาท รวมทั้งสิ้นเป็น 3,500 บาท และสามารถใช้สิทธิไปจนถึง วันที่ 31 มีนาคม 2564
ในส่วนของ ผู้ที่เตรียมจะลงทะเบียนใหม่ จำนวน 5 ล้านคน คาดว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ในวันที่ 16 ธันวาคม 2563 เวลา 06.00 เป็นต้นไป โดยจะให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ชี้แจงวันลงทะเบียน “คนละครึ่ง เฟส2” ให้ชัดเจนออกมาอีกครั้ง
เนื่องจากในที่ประชุม ครม.วันนี้ ยังไม่ได้มีการกำหนดวันที่แน่นอน แต่คาดว่าทางกระทรวงการคลังน่าจะกำหนดวันคล้ายคลึงกับที่ประชุม ศบศ.ในครั้งที่ผ่านมา ก็คือวันที่ 16 ธันวาคม 2563 นั่นเอง
โดยวิธีการก็คล้ายแบบเดิม คือ ให้ลงทะเบียนผ่าน www.คนละครึ่ง.com และติดตั้งแอพฯ “เป๋าตัง” พร้อมยืนยันตัวตนผ่านระบบ G-Wallet เพื่อรับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส2
ส่วนของเงื่อนไขการใช้งานก็เหมือนเดิม คือ หากประชาชนที่ได้รับสิทธิและไม่เริ่มใช้จ่ายภายใน 14 วัน หลังจากที่ได้รับการยืนยันโดย SMS แล้ว ก็จะถูกตัดสิทธิ แล้วก็จะไม่สามารถลงทะเบียนซ้ำได้อีก และประชาชนผู้ใช้สิทธิในโครงการ “คนละครึ่ง” แล้วนั้น ไม่สามารถที่จะใช้สิทธิในโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ได้เช่นกัน (ต้องเลือกใช้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น)
สำหรับผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่มทั่วไป ก็จะใช้หลักเกณฑ์เดิม คือ ต้องเป็นร้านค้ารายย่อยที่ไม่ใช่นิติบุคคล แต่หากเป็นร้านค้าของกองทุนหมู่บ้าน หรือกองทุนชุมชน ทั้ง 2 กรณีนี้สามารถร่วมโครงการนี้ได้ แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการร้านค้าต้องไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อของธุรกิจแฟรนไชส์
สำหรับระยะเวลาการดำเนินการของโครงการ “คนละครึ่ง” ทั้งหมด (ทั้งเฟส1 และ เฟส2) มีการใช้วงเงินทั้งสิ้น 22,500 ล้านบาท คาดว่าจะมีเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจำนวน 45,000 ล้านบาท
ในเบื้องต้นคาดว่ามาตรการนี้ (คนละครึ่งเฟส1+เฟส 2) จะทำให้มีการขยายตัวของ GDP เพิ่มขึ้นทั้งหมด 0.32% โดยจะมีเงินทุนหมุนเวียนในระบบถึง 105,000 ล้านบาท