พระราชินี’ ทรงรับผู้ป่วยไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์
“พระราชินี” มีพระราชดำรัสให้โครงการหลวงปลูก ดอกเอเดลไวส์สนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ ทรงเยี่ยมราษฎรชาวเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ทรงรับผู้ป่วยไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ณ อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.63 เวลา 19.50 น. สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ทรงเยี่ยมราษฎรชาวจังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ใกล้เคียงที่มารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จและชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด โอกาสนี้ทรงเยี่ยมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้กองแพทย์หลวง ร่วมกับกรมการแพทย์ทหารบก สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และโรงพยาบาลในพื้นที่ มาออกหน่วยตรวจรักษาโรค ให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนในพื้นจังหวัดเชียงใหม่ และผู้ปกครองบัณฑิต ได้เข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างรวดเร็ว โดยในวันนี้ได้นำเครื่องมือพิเศษที่เป็นเครื่องมือเฉพาะทาง ซึ่งได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้ในการตรวจรักษาประชาชน อาทิ เครื่องตรวจจอประสาทตา เครื่องตรวจการทำงานของหัวใจ เครื่องอัลตราซาวด์ รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย เพื่อใช้เป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ในการเก็บตัวอย่างโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยเครื่องมือดังกล่าวสามารถตรวจพบความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว หน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ โดยมีแพทย์เฉพาะทางมาให้บริการตรวจรักษาประชาชน อาทิ อายุรแพทย์โรคหัวใจ อายุรแพทย์โรคไต จักษุแพทย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านออร์โธปิดิกส์ กระดูกและข้อ ในการนี้ ทรงรับผู้ป่วยจำนวน 6 ราย ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ประกอบด้วย ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว 2 ราย โรคเนื้องอกในสมอง กระดูกข้อสะโพกซ้ายหัก ผู้ป่วยงูเห่ากัดตอนอายุ 2ขวบ ส่งผลให้เป็นพังผืดที่แขนซ้ายกระดิกนิ้วมือไม่ได้ ทำให้แขนงอใช้การไม่ได้ และโรคทางพันธุกรรม ทำให้เซลล์ในร่างกายเจริญผิดปกติ มีอาการชักเกร็งตลอดเวลา พร้อมกันนี้ทรงรับฟังการถวายรายงานมาตราการการป้องกันและรักษาโรคโควิด-19
จากนั้นทอดพระเนตรนิทรรศการผลสำเร็จของโครงการหลวงจากพระราชประสงค์รัชกาลที่9 สู่การสืบสานตามพระราชปณิธานรัชกาลที่ 10 โดยเน้นวิธีการวิธีการขับเคลื่อนไปสู่ผลสำเร็จของโครงการหลวง ทรงเน้นหลักการทรงงาน3 ประการ เข้าใจ เข้าถึงพัฒนา การนี้ระหว่างที่ทอดพระเนตรนิทรรศการมูลนิธิโครงการหลวง สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงสนพระทัยงานวิจัยที่มีความหลากหลายโดยเฉพาะการเพาะพันธ์ดอกไม้เมืองหนาวอย่างดอกเอเดลไวส์ อันเป็นพืชต่างถิ่นที่มีถิ่นกำเนิดและเจริญเติบโตได้ดีในแถบยุโรป บริเวณเทือกเขาแอลป์ ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเล1,500-3000 เมตร โดยได้พระราชทานเมล็ดพันธุ์ให้แก่มูลนิธิโครงการหลวงเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2562 เพื่อนำไปวิจัยและพัฒนาร่วมกับศูนย์วิจัยทศโนโลยีชีวภาพทางด้านพืช ซึ่งฝ่ายงานวิจัยและพัฒนาได้ดำเนินการเพาะเลี้ยงเนื้อยื่อและพัฒนาสูตรอาหารที่เหมาะสมต่อการเจริญเดิบโตในสภาพปลอดเชื้อเพื่อขยายพันธุ์เพิ่มปริมาณต้น และเก็บรักษาพันธุ์ เมื่อต้นกล้าเจริญเติบโตแข็งแรงและมีระบบรากที่สบูรณ์ จึงนำออกปลูกและอนุบาลในโรงเรือนสภาพปิด ป้องกันแมลง จากนั้นนำต้นกล้าไปทดสอบปลูกลี้ยงในพื้นที่ของสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ และสถนีวิจัยพบว่า ต้นเอเดลไวส์สามารถจริญเติบโต และปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงมีพระราชดำรัสชื่นชมเจ้าหน้าที่โครงการหลวงที่ประสบความสำเร็จในการเพาะพันธ์ุในอนาคตข้างหน้า คนไทยไม่ต้องไปชื่นชมดอกไม้พันธุ์นี้ไกลถึงยุโรปแค่มาที่โครงการหลวงก็สามารถ ชื่นชมความงดงามของดอกเอเดลไวส์ได้แล้ว
จากนั้น ทอดพระเนตรผลิตภัณฑ์จากโครงการตามพระราชดำริจ.เชียงใหม่ จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถที่ทรงมีพระราชดำริเริ่มโครงการ เพื่อสร้างอาชีพให้แก่ราษฎรสามารถเลี้ยงอาชีพได้อย่างยั่งยืนพร้อมไปกับการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยและทรัพยากรธรรมชาติ อาทิ งานแกะสลักไม้ผลิตภัณฑ์เซรามิค การสาธิตปักลูกเดือยบนเสื้ออันเป็นอัตลักษณ์ของชาวกระเหรี่ยง งานทอกี่กระตุก ผ้าปักชาวเขาเผาต่างๆ กระเป๋า
ทรงเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานจากนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ที่ได้น้อมนำพระบรมราโชบายมาใช้ในการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น โดยการจัดการเรียนการสอนและงานวิจัยเข้ากับการพัฒนาท้องถิ่นเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน และรักษาความเป็นอัตลักษณ์ของภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่จากรุ่นสู่รุ่น
ต่อมาทรงเยี่ยมชมและทอดพระเนตรโครงการจัดแสดงและจำหน่ายภูมิปัญญา OTOP เชิงบูรณาการ “สืบสาน รักษา และต่อยอด”โดยกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย สาธิตการทอกี่เอวผ้าปักชนเผ่าม้ง จ.เชียงใหม่ อันเป็นการทอผ้าของชนเผ่าชาวกะเหรี่ยง เป็นการทอแบบวิถีดั่งเดิม เรียกว่าทอแบบ กี่เอว หรือ การทอ แบบห้างหลังโดย ใช้อุปกรณ์เครื่องทอขนาดเล็กเรียกว่า กี่เอว การสาธิตเพ้นทร่มกลุ่มร่มหลวงลุงวงศ์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งร่มเป็นผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาของชาวเชียงใหม่ตั้งแต่สมัย โบราณและสืบทอดกันมายาวนานจนถึงปัจจุบันน้ีเมื่อก่อนนี้ ภูมิปัญญาชาวบ้านทำแต่ร่มกระดาษสา แต่ต่อมาได้มี การวิวัฒนาการเปลี่ยนมาเป็นร่มผ้าหลายๆรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP ทั้งจาก 17 จังหวัดภาคเหนือกว่า 30 ร้าน ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์กลุ่มผ้าไหม ผ้าชนเผ่า ผ้าชาวเขา ผ้ามัดย้อม ผ้าซิ่นตีนจก การแกะสลัก การตีลายแผ่นแร่ เครื่องประดับเงินสลุงหลวง เป็นต้น โอกาสนี้ทรงอักษรพระนาม ”สุทิดา”ลงบนแก้วกาแฟ ศิลาดลเครื่องเครื่องดินเผาเขียวหยกมรดกแห่งล้านนาอันเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ช่วยกันรักษาสืบสานศิลปะศิลปะหัตถกรรมภูมิปัญญาไทย