'วัชระ' ยื่น 'สิระ' สอบน้องชายธนาธร ปมเช่าที่ดินสำนักงานทรัพย์สินฯ
'วัชระ' ยื่น 'สิระ' สอบน้องชายธนาธร ปมเช่าที่ดินสำนักงานทรัพย์สินฯ หวั่นซ้ำรอยคดีบอส จี้ ตำรวจและอัยการต้องให้ความร่วมมือ
ที่รัฐสภา นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสิระ เจนจาคะส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน กมธ.การกฎหมายฯ เป็นผู้รับหนังสือ เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีที่นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเรียล แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด น้องชายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้เงินเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ชื่อเดิม) จำนวน 20 ล้านบาท แลกกับการได้สิทธิเช่าที่ดินระยะยาวบริเวณองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ย่านชิดลม มูลค่า 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยไม่ผ่านการประมูลแข่งขันตามขั้นตอนปกติ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ยื่นเรื่องดังกล่าวต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) และสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) มาแล้ว
นายวัชระ กล่าวว่า ตนมายื่นเรื่องต่อกมธ.การกฎหมายฯ เพื่อขอให้บรรจุเรื่องดังกล่าว เพื่อค้นหาความยุติธรรม เนื่องประชาชนมีความสงสัยว่า เหตุใดพนักงานสอบสวนจึงไม่มีการสั่งฟ้องนายสกุลธร จะเป็นการซ้ำรอยคดีบอสกระทิงแดงหรือไม่ ซึ่งก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ขณะเดียวกันตนยังมีข้อสังเกตว่านายธนาธร ได้มีการถือหุ้นในบริษัท เรียล แอสเสทฯ ในช่วงที่มีการติดสินบนเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯหรือไม่ ซึ่งขณะเกิดเหตุการกระทำผิดตามคำพิพากษานี้ คือเดือนมี.ค. 2560 - 18 ก.ย. 2560 บริษัทเรียลแอทเสทฯ ได้แสดงบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2560 ลำดับที่1นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ (มารดาของนายธนาธรและนายสกุลธร) ลำดับที่ 2 นายธนาธร (บุตรชายคนโตของนางสมพร และพี่ชายของนายสกุลธร) และลำดับที่6นายสกุลธร
“ทางตำรวจ และอัยการ จะดำเนินการต่อนายสกุลธรหรือไม่ อย่างไร จึงขอให้กมธ.การกฎหมายเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อไป” นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า หลังจากยื่นเรื่องต่อตำรวจ และอัยการ ขณะนี้ยังไม่มีเสียงตอบรับจากหน่วยงานดังกล่าวแต่อย่างใด เมื่อเห็นความเหลื่อมล้ำ ทำไมลูกคนรวยมีอำนาจ ไม่ถูกดำเนินคดี หลุดแทบทุกคดี เช่นกรณีของบอส กระทิงแดง นายพานทองแท้ ชินวัตร และบุตรหลานของผู้มีอิทธิพล ทำไมตำรวจ อัยการทำงานแบบนี้ มีการวิ่งตำรวจ อัยการหรือไม่ สังคมไทยรู้อยู่ จึงต้องมีการปฏิรูปหน่วยงานเหล่านี้ด้วย
เมื่อถามว่า การออกมาเรียกร้องครั้งนี้เกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองหรือไม่ นายวัชระ กล่าวว่า ยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองเลยแม้แต่น้อย เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ต้องการค้นหาความจริง และตนเคลื่อนไหวเรื่องเหล่านี้มาตลอด
ด้านนายสิระ กล่าวว่า คาดว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของ กมธ. ได้ในวันที่16ธ.ค.นี้ โดยจะเชิญฝั่งของนายสกุลธรมาให้ข้อมูลด้วย จะสอบถามว่า รอดได้อย่างไร ใช้วิธีไหนถึงไม่ผิด ส่วนนายธนาธร จะเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ต้องขอตรวจสอบก่อน ถ้าทำในนามบริษัท ตนก็จะเชิญทั้งตระกูล ก็ขอให้ครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจสบายใจได้ในเรื่องนี้ เพราะมีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อยู่ใน กมธ.ด้วย ถือว่าเป็นลูกน้องเก่าของนายธนาธร เราจะหาความยุติธรรม ตรวจสอบเรื่องนี้ ทั้งด้านกฎหมาย ผู้บังคับใช้กฎหมาย หากพบว่ามีการละเว้น ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ จะดำเนินการให้ถึงที่สุด ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง ถ้าถามว่ายื่นเรื่องช่วงนี้เหมาะสมหรือไม่ ถ้าพบว่าผิด จะยื่นเวลาใดก็ได้ แต่ต้องดูเนื้อหา กระบวนการมีปัญหาหรือไม่ คนรวยไม่ต้องติดคุก คนจนติดคุกหรือไม่
“ถ้านายธนาธร หาเสียงเรียกร้องในเรื่องความโปร่งใส เสมอภาค วันนี้ก็ต้องให้ความร่วมมือผม น้องชายเหลื่อมล้ำมั้ย มีตังค์ใช่มั้ย ทำยังไงหลุดคดี ไม่ติดคุก” นายสิระ กล่าว
ขณะเดียวกัน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการ(กมธ.)กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน รับยื่นหนังสือจากน.ส.ปารีณา ไกรตุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบความคืบหน้าคดีครอบครองที่ดินของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า
โดยน.ส.ปารีณา กล่าวว่า ตนได้ยื่นร้องเรียนไปที่อธิบดีกรมป่าไม้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 จนถึงตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว เรื่องก็ยังคงเงียบอยู่ โดยเป็นเรื่องของการติดตามใน 5 ประเด็น คือ 1.การออกเอกสารสิทธิ์ โฉนด นส.3 ในที่ป่าไม้ถาวรและป่าสงวนแห่งชาติ 2.การตัดไม้ในที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ออกในที่ป่าสงวนแห่งชาติและป่าไม้ถาวร โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่ผิดทั้งที่ยังไม่มีการตรวจสอบชัดเจน 3.การครอบครอง นส.2 โดยผิดกฎหมาย 4.ครอบครอง ภบท.5 แต่ป่าไม้จังหวัดราชบุรีแก้ไขทำบันทึกใหม่ ว่า นางสมพรไม่มีพื้นที่ ภบท.5 และ5.นางสมพรครอบครองที่ดินกว่า 3 พันไร่ ชาวบ้านทวงถามยังไม่ได้คืน ส่วนที่คืนให้ป่าไม้ 500 ไร่ก็ยังไม่ถูกดำเนินคดี
น.ส.ปารีณา กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้สังคมเห็นแล้วว่าครอบครัวนี้มีความน่าสงสัยเยอะในพฤติกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้อง แม่ หรือคุณธนาธรเอง ซึ่งตอนนี้ก็ดูจะเข้าใกล้คุกขึ้นทุกที ขอฝากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยไม่เลือกปฏิบัติ เพราะสังคมขณะนี้กำลังตั้งคำถามกรณีเศรษฐีโดนดำเนินคดีมักจะมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น
ด้านนายสิระ กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมกมธ.ในวันนี้ว่าจะสามารถนำเรื่องมาพิจารณาได้เมื่อไหร่ เป็นคำถามว่านี่คือปัญหาความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมจริงหรือไม่ กรณีของคุณปารีณาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมถึงขั้นฟ้องร้อง แต่ของแม่ธนาธรเกิดขึ้นก่อน ตรวจสอบก่อน เรื่องยังไม่ถึงไหน เป็นการละเว้นในการปฏบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ทั้งที่ความผิดไม่ต่างกันสังคมต้องให้ความเป็นธรรมในเรื่องนี้ ตนไม่ได้ออกรับแทน และไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นการเมือง แต่การยึดที่ป่าพอนำมาคืนแล้วจะถือว่าไม่มีความผิดได้หรือ ฝากถึงคุณวีระ สมความคิด ว่าได้ตรวจสอบที่ของนางสมพรบ้างหรือยัง
“วันนี้เราเอาปี๊บมา เพราะรู้สึกว่าทุกครั้งที่คุณธนาธรไปหาเสียงจะพูดเสมอว่าต้องโปร่งใส ไม่ทุจริต ลดความเหลื่อมล้ำ แต่สิ่งที่น้องชาย แม่ ตัวเองทำนั้นย้อนแย้งหรือไม่ เป็นผมคงเอาปี๊บคลุมหัว เพราะอายในสิ่งที่ตัวเองพูด จึงขอฝากปี๊บไปให้คุณธนาธรด้วย และฝากไปฟังเพลงหนักแผ่นดินด้วยว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร” นายสิระ กล่าว