'อนุทิน'เผย'เคาท์ดาวน์'จัดได้ หลังมีกรณี 'บิ๊กเมาน์เท่น'

'อนุทิน'เผย'เคาท์ดาวน์'จัดได้ หลังมีกรณี 'บิ๊กเมาน์เท่น'

“อนุทิน”เผยเคาท์ดาวน์จัดได้ แต่ต้องปฏิบัติตามระเบียบและข้อกำหนด ส่วนกรณี “บิ๊กเมาน์เท่น”ทำไม่ได้ตามแผนเสนอมาตรการป้องกันโควิด


     จากกรณีคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา สั่งปิดสถานที่จัดงานเทศกาลดนตรีบิ๊กเมาน์เท่น เมื่อตั้งแต่ 14.00 น .วันที่ 13 ธ.ค. 2563 แต่ยังมีการจัดงานดังกล่าวจนถึงเวลา 22.00 น.
     ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า คำสั่งของราชการต้องถือว่ามีผลทันทีอยู่แล้ว จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องไปแจ้งความดำเนินคดี ส่วนจะผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.โรคติดต่ออย่างไร อยู่ที่จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ดูแลมิติสุขภาพ ทั้งนี้ สิ่งที่จะเกิดความปลอดภัยที่สุดคือประชาชนทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ให้ความร่วมมือกับคำแนะนำของราชการ ทุกเรื่องที่มีปัญหาขึ้นมาก็เกิดจากการไม่เคารพกฎหมาย เช่น กรณีท่าขี้เหล็ก ถ้าเข้ามาอย่างถูกต้อง และรับการกักตัว 14 วัน ก็ไม่มีปัญหา  แต่ถ้าผิดกฎหมายก็ไม่ยอม แถมยังไปเที่ยวที่ที่มีคนมากอีก คนเพียงไม่กี่คนก็ทำให้เกิดความเดือดร้อนกับทั้งประเทศ และเป็นอุปสรรคกับการควบคุมโรค

       “ การจัดกิจกรรมต้องมีการขออนุญาต และเสนอรูปแบบการจัดเข้ามาให้พิจารณา ตอนเสนอมาผู้ว่าฯ ผู้มีอำนาจในการพิจารณานั้นก็อ่านตามข้อเสนอ ตามแผนการจัดงาน ซึ่งถ้าเข้าเกณฑ์ก็อนุมัติหมด แต่พอได้รับการอนุมัติแล้วไม่ทำตามที่เสนอมา ก็เป็นปัญหา จะมาบอกว่าคนมาเยอะเกินไป ควบคุมไม่ได้ แบบนี้ไม่ได้ ต้องควบคุมได้ การเข้าออกต้องมีทางเดียว เพราะนี่เป็นสถานการณ์พิเศษ เราไม่ต้องการให้มีการแพร่เชื้อ ดังนั้นจะเปิดให้มีทางเข้าออกหลายทางไม่ได้ การจัดงานต้องจำกัดจำนวนคนเข้าร่วมงาน มีการวัดอุณหภูมิ สวมหน้ากาก ล้างมือ ซึ่งมีขั้นตอนอยู่แล้ว” นายอนุทิน กล่าว
       นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ยืนยัน ไม่ได้ห้ามจัดงานในลักษณะนี้ รวมถึงงานเคาท์ดาวน์ ปีใหม่ที่จะถึง ทุกคนยังสามารถจัดงานได้ แต่ต้องปฏิบัติตามระเบียบและข้อกำหนด ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย มีระยะห่างและการจัดเจลล้างมือบริการ และ ต้องมีการจัดบริการวัดไข้ เพราะการจัดงานในลักษณะนี้ต้องผ่านการขออนุญาต แต่ต้องปฏิบัติ ตามกฎระเบียบ

          นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ขนาดมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คำสั่งของผู้ว่าฯ ซึ่งเป็นผู้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในจังหวัดของท่าน ยังศักดิ์สิทธิ์ไม่พอเลย คำสั่งออกมาแล้ว อุทธรณ์แล้ว ยกแล้วก็ยังจัดอยู่ ส่วนภาพที่ออกมาเป็นเพราะประชาชนไม่กลัวความปลอดภัยหรือไม่นั้นส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องของการประชาสัมพันธ์มากกว่า หรือมีมาตรการรักษาความปลอดภัยการติดเชื้อในหมู่ประชาชนอย่างไร อย่างที่เรียนว่า ประชาชนที่ไปแล้วถ้าเว้นระยะห่างไม่ได้ สวมหน้ากากไม่ได้ ถึงเวลาถ้าไม่ปลอดภัยหรือมีความเสี่ยงก็อย่าเพิ่งไป สำหรับคนที่ไปร่วมงานนั้น เนื่องจากการตรวจคนที่มีความเสี่ยงแล้วผลเป็นลบ ไม่มีเชื้อฯ ดังนั้นจึงไม่ได้ไปตั้งข้อจำกัดของผู้ร่วมงาน แต่ขอให้สวมหน้ากากอนามัย สังเกตอาการตัวเอง 14 วัน ถ้าไม่มีอะไรก็ถือว่าไม่มีโรค แต่ถ้ามีอาการระบบทางเดินหายใจ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรสก็ให้มาพบแพทย์

     “ความสำเร็จในการควบคุมโรคระบาดของประเทศไทย นั้นเกิดจากความร่วมมือของประชาชนที่ทำตามคำแนะนำของบุคลากรทางการแพทย์ ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ เราก็ได้แต่บอกเขาว่าอย่าทำแบบนี้ๆ แต่ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือก็จะเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น ดังนั้นต้องจูงมือกันไป ร่วมมือกัน ถามว่าทำได้หรือไม่ ก็คือทำได้ จนวันที่คนไม่ให้ความร่วมมือก็เลยเกิดเหตุ เราไม่มีทางเลือกถ้าไม่อยากให้เกิดการระบาดก็ต้องร่วมมือกัน รัฐต้องพร้อมในการให้ข้อมูลความรู้กับประชาชน ประชาชนก็ต้องให้ความร่วมมือกับรัฐ together ด้วยกันแบบนี้เราก็จะปลอดภัย และอีกไม่นานก็จะมีวัคซีนแล้ว แล้วเราจะต้องกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ มันจะไม่เป็นอย่างนี้ไปตลอด” นายอนุทิน กล่าว

     ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการเชื่อมโยงกรณีมีความเชื่อมโยงกับการเมืองอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี ไม่รู้จักใครทั้งสิ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องการเมือง เรื่องโควิดใหญ่กว่าเรื่องการเมืองเยอะ ถ้าประชาชนติดโควิด การเมืองเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ดังนั้นที่เราต้องเข้ม ต้องใช้มาตรกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพราะไม่สามารถปล่อยให้ประชาชนเสี่ยงต้อการรับเชื้อ การแพร่ระบาดของคนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองใด ๆ  คนไปหาความสำราญ เราแยกแยะเป็น