เศรษฐกิจ ปี 64 ฟื้นจริง หรือยังเป็น ‘วัว’ ป่วย?
ปี 2564 สถานการณ์ "เศรษฐกิจโลก" จะฟื้นตัวขึ้นจริงจังหรือยัง? ปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ คลี่คลายไปมากแล้ว หรือยังคงมีอยู่? หลังจากที่ช่วงปลายปี 2563 ความคืบหน้าของวัคซีนโควิดเริ่มทดลองฉีดแล้ว และคาดว่าปี 2654 จะกระจายเป็นวงกว้าง
เวลาของเดือน ธ.ค. และปี 2563 ใกล้จะผ่านไปสู่ปี 2564 ซึ่งในปี 2563 นี้เราได้เห็นวิกฤติจากโรคระบาด ที่กระทบเศรษฐกิจการลงทุนอย่างหนักหนาเอาการเลยทีเดียว แม้ช่วงปลายปีจะมีข่าวดีว่าวัคซีนประสบความสำเร็จให้คลายความกังวลลง และคาดการณ์กันว่าในปี 2564 วัคซีนโควิด-19 คงจะออกมาให้ทุกคนใช้อย่างเป็นวงกว้างมากขึ้นรวมถึงในทั้งประเทศไทยด้วย
ทำให้ช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2563 ตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงทะยานขึ้นอย่างแรง โดยเฉพาะในเอเชียและตลาดเกิดใหม่ จากความคาดหวังในสถานการณ์ที่ดีขึ้น แต่ในปี 2564 สถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นจริงจังหรือยัง ..? ปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ คลี่คลายไปมากแล้วหรือยังมีอยู่ ..??
หากพิจารณาสถานการณ์ในช่วงเริ่มต้นปี 2564 ผมยังมองว่า ปัจจัยจะยังมีทั้งบวกและลบต่อตลาด เรื่องแรก คือ การระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐ, ยุโรป และในหลายประเทศ จะเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งหรือไม่ หากยังเพิ่มขึ้นมากต่อเนื่องอาจทำให้ต้องเกิดการ Lockdown และกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีก ซึ่ง ณ เวลานี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกกำลังแตะ 70 ล้านคน
ปัจจัยต่อมา 2.ที่เกี่ยวเนื่องกันคือ การกระจายวัคซีนแก่ประชาชนในประเทศ หากสามารถผลิตวัคซีนออกมาใช้ได้เร็วและกระจายสู่วงกว้างอย่างรวดเร็ว จะเป็นผลดีต่อสถานการณ์การระบาดของโรคและเป็นบวกต่อเศรษฐกิจโลกในปี 2564 อย่างมาก อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ที่ต้องจับตามองคือ เรื่องปริมาณวัคซีนที่จะผลิตออกมาใช้จะเพียงพอในระดับใด รวมถึงการขนส่งไปยังไปประเทศต่างๆ จะทำได้เพียงใด และที่สำคัญคืองบประมาณในการซื้อวัคซีนที่อาจจะกระทบต่อ จีดีพี ของประเทศในระยะต่อไป
ปัจจัยที่ 3.คือ นโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ที่จะเข้ารับตำแหน่งเป็นทางการในปี 2564 โดยเฉพาะเรื่องนโยบายการค้ากับจีน ซึ่งยังมีท่าทีที่จะใช้มาตรการกดดันการค้ากับจีนต่อไป ดังนั้นหากยังมีความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนและเกิดการตอบโต้กัน จะเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในปี 2564
ทั้ง 3 ปัจจัยหลักข้างต้น อาจจะเป็นตัวแปรที่มีผลทำให้เกิด ปัจจัยต่อมา 4. คือ กระแสเงินลงทุน (Fund flow) ที่จะไหลเข้าออกสินทรัพย์ต่างๆ ทั้งสินทรัพย์เสี่ยงและสินทรัพย์ปลอดภัย ตามปัจจัยบวกลบที่เกิดขึ้น แม้ว่าขณะนี้เงินลงทุนได้ย้ายจากสินทรัพย์ปลอดภัยสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แต่ปัจจัยลบยังไม่หมดไป ขณะเดียวกันตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ยังไม่เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวชัดเจน ดังนั้นสินทรัพย์ต่างๆ จึงอาจมีความผันผวนจากแรงขายทำกำไรและการไหลเข้าออกของเงินลงทุนได้
โดยภาพรวมต้องบอกว่า มีทั้งปัจจัยบวกและลบเกิดขึ้นแน่นอนในปี 2564 แต่ยังเป็นแนวโน้มเติบโตของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นพอสมควร ในด้านของการลงทุน รวมถึงการเลือกสินทรัพย์ จึงต้องประเมินกันเป็นระยะ โดยอิงไปกับปัจจัยต่างๆ ดังที่ผมกล่าวมา
ดังนั้นถามว่าเราควรใช้กลยุทธ์และเลือกจัดสรรสินทรัพย์อย่างไรดีเมื่อเข้าสู่ปี 2564 ผมอยากแนะนำใน 2 กรณีดังนี้ครับ
ต้องบอกว่าในปี 2564 เศรษฐกิจโลกจะคาดหวังต่อความเป็นไปได้ของการได้ใช้วัคซีนโควิด-19 เป็นเรื่องหลัก หากเริ่มใช้ได้เร็วมากเท่าไร ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิด-19 จะเริ่มฟื้นกลับมาได้เร็ว ขณะเดียวกันปี 2564 จะเป็นปีของการพัฒนาธุรกิจไปสู่การใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นโอกาสสำหรับการวางแผนธุรกิจและการลงทุนในรูปแบบใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น กับคนทุกกลุ่มวัย
ปี 2564 จะเป็นปีของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หรือ จะเป็นปี ‘วัว’ ที่ยังต้องใช้ยากระตุ้นให้แข็งแรงต่อสู้กับโรคระบาดต่อไป KTBST SEC จะติดตามสถานการณ์และจะมาให้คำแนะนำกับผู้ลงทุนกันในตอนต่อๆไปครับ ขณะเดียวกันผู้ลงทุน สามารถขอคำปรึกษาการลงทุน KTBST SEC ได้ที่ 02-648-1111 แล้วพบกันในปี 2564 ครับ