ส่องเทรนด์ ธุรกิจ 'อาหารสัตว์' สุดหรู เติบโตอย่างไร ในสภาวะวิกฤติ
พฤติกรรมของคนที่ต้องอยู่บ้านมากขึ้นจากผลพวงการระบาดของ "โควิด-19" ทำให้ "ธุรกิจอาหารสัตว์" ยังดำเนินไปได้ท่ามกลางวิกฤติเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เทรนด์ "ธุรกิจอาหารสัตว์สุดหรู" ยังมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
"โควิด-19" เป็น จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้หลายคนใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น เหงามากขึ้น และทำให้สัตว์เลี้ยงกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกของการแก้เหงาตามไปด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่จะพบตัวเลขการเติบโตของธุรกิจสัตว์เลี้ยง และแน่นอนว่าสิ่งที่ต้องตามมาเป็นเงาคือการเติบโตขึ้นของธุรกิจ "อาหารสัตว์"
โดย "รายงานตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกปี 2020-30: COVID- 19 ผลกระทบและการฟื้นตัว" จาก ResearchAndMarkets.com คาดการณ์ว่า ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกจะเติบโตจาก 74.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2562 เป็น 75.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่ 1.3%"
แม้การเติบโตจะถือว่าค่อนข้างต่ำ เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศการระบาดของโควิด-19 ไปบ้าง แต่คาดว่าหลังจากตลาดอาหารสัตว์จะฟื้นตัวและเติบโตต่อปีที่ 6% จากปี 2564 และแตะ 88.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2566 เลยทีเดียว
ส่วนหนึ่งของ "ธุรกิจอาหารสัตว์" ที่เติบโตอย่างน่าสนใจและมีนัยสำคัญคือ "ธุรกิจอาหารสัตว์พรีเมียม" ที่ยังได้รับความนิยมแม้จะอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจซบเซา เนื่องจากกลุ่มคนรักสัตว์ที่รักสัตว์เลี้ยงจริงๆ ต้องการ ดูแลสัตว์เลี้ยงของตัวเอง มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดไม่ต่างไปจากตัวเอง โดยสิ่งที่ต้องใส่ใจมากที่สุดคือ "อาหาร"
จึงไม่น่าแปลกใจที่ช่วงเวลาที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้เห็น เค้กสำหรับสุนัข หน้าตาสวยงาม ที่มองเผินๆ แทบจะหยิบผิดซื้อไปฝากคนที่บ้าน
ที่มาภาพ: bakenbone
เมื่อไม่นานมานี้ ยังเห็นแบรนด์ไอติมจาก "Ben & Jerry’s" แบรนด์ไอศกรีมพรีเมียมจากสหรัฐที่เข้ามาเจาะตลาดไอศกรีมบ้านเรา ในกลุ่มตลาดพรีเมียม ราคาหลักร้อยต่อลูก ปัจจุบันเปิดตัว ไอศกรีมสำหรับสัตว์เลี้ยง หรือ "Doggie Desserts" ในสหรัฐ หวังเจาะกลุ่มลูกค้าที่คลั่งไคล้ไอศกรีมของแบรนด์ ให้สามารถแบ่งปันให้สัตว์เลี้ยงแสนรักที่มักจะนั่งมองตาปริบๆ ได้แบบไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ
Ben & Jerry’s หันมาใช้เนยเมล็ดทานตะวันแทนนม ซึ่งเหมาะกับสุนัขมากกว่า โดยเปิดตัว 2 รสชาติ คือ Pontch’s Mix เป็นรสเนยถั่วและขนมปังกรอบ และ Rosie’s Batch ที่มีส่วนผสมของฟักทองและมินิคุกกี้ ราคาเริ่มต้น ราคา 2.99 ดอลลาร์ ขนาด 4 ออนซ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับเพื่อนรักขนปุยเหล่านี้น่าจะสะท้อนถึงโอกาสทางการตลาด ในกลุ่มอาหารสัตว์ของสหรัฐฯ ได้เป็นอย่างดี
โดยข้อมูลจาก American Pet Products Association มีผลสำรวจปี 2019-2020 พบว่า ครัวเรือนในสหรัฐอเมริกา 67% หรือประมาณ 85 ล้านครอบครัวเลี้ยงสัตว์ และคนอเมริกันใช้จ่ายกับสัตว์เลี้ยงในปี 2019 มากถึง 9.6 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์
ย่ิงไปกว่านั้น นอกจากอาหารสัตว์แบบพรีเมียมแล้ว ยังมีการเปิด "Fine Dining" (ฟาย ไดนิ่ง) สำหรับสุนัขและแมวในต่างประเทศ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ยอมจ่ายเงินไม่น้อย เพื่อความสุขและสุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยง
ในประเทศไทยเองก็ไม่น้อยหน้า แม้ตลาดอาหารสัตว์พรีเมียมจะไม่ได้ขยายวงกว้างมากนัก แต่มีกลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างชัดเจน และมีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคตได้คล้ายกับในต่างประเทศ
ภมรชัย อภิชาตประคัลภ์ ซีอีโอภมรชัย ซัพพลาย ผู้นำเข้าอาหารสัตว์ในไทย มองว่าสาเหตุที่ธุรกิจอาหารสัตว์เริ่มให้บริการลักษณะนี้มากขึ้น เนื่องจากมองเห็นว่าตลาดอาหารสัตว์พรีเมียมจะไปได้ไกล
"คาดว่าตลาดอาหารสัตว์หรูๆ เติบโตอย่างแน่นอน อาหารสัตว์พรีเมียมทั้ง หมา แมว หนูกระต่าย ฯลฯ เติบโตเกือบ 40% ในระยะเวลา 3 ปี เนื่องจากคนเลี้ยงสัตว์ยุคใหม่ มีความรู้มากขึ้น เข้าใจว่าการเลี้ยงสัตว์มีเรื่องของอาหารเป็นหลัก ใส่ใจ โดยเฉพาะช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากโควิด คนจะให้ความสำคัญกับสิ่งใกล้ตัวมากขึ้น สิ่งที่หลายคนเคยมองว่าแพง หากตอบโจทย์มากกว่า แต่ตรงจุดมากกว่าในภาพรวม ก็ถือเป็นของถูก หมายถึงถูกเพราะไม่ต้องไปพบสัตวแพทย์บ่อย การดูแลรักษาสัตว์ง่ายขึ้น ดีต่อสุขภาพสัตว์และความสุขของคน"
แน่นอนว่าตลาด “อาหารสัตว์พรีเมียม” ไม่ใช่แค่การเจาะกลุ่มสุนัขและแมวเท่านั้น แต่ยังมาถึงสัตว์ฟันแทะตระกูลหนู กระต่าย ที่ถือเป็นสัตว์อีกกลุ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงหลัง
หนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจในการเจาะตลาด อาหารสัตว์พรีเมียม ในไทย คือ งาน “Cuni Chef Experience” (คูนิ เชพ เอ็กซพีเรียนซ์) ไอเดียของ Cuni บริษัทจำหน่ายอาหารกระต่าย และภมรชัยซัพพลาย ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ ร่วมจัดงาน Fine Dining (ฟาย ไดนิ่ง) สำหรับผู้โชคดีจากการทำกิจกรรมในเฟซบุ๊กแฟนเพจ “Cuni Small World”
โดยเปิดโอกาสให้ เจ้าของและสัตว์เลี้ยงแสนรัก อย่างกระต่าย แก๊สบี้ ชินเชล่า สัตว์เลี้ยงตระกูลฟันแทะ มารับประทานอาหารสุดหรูร่วมโต๊ะเดียวกัน เป็นครั้งแรกในไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนรักสัตว์กลุ่มนี้ไปพบปะแลกเปลี่ยน และให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ให้มีสุขภาพที่ดี มีสวัสดิภาพที่ควรจะเป็น
ภายในงานเจ้าของสัตว์เลี้ยงได้รับประทานอาหารฝีมือ ของ เซฟพงษ์ธร หินราชา เชฟที่ได้รับตำแหน่ง Executive chef คนแรกในไทย ในขณะที่สัตว์เลี้ยงได้กินอาหารสุดหรู ที่หน้าตาต่างไปจากที่หลายคนคุ้นเคย และดูน่ากินจนลืมหน้าตาอาหารสัตว์แบบเดิมๆ
อธิจิต หาญหริรักษ์ เชฟขนม เล่าว่าได้ใช้ศิลปะจากการทำขนม มาประยุกต์ในการดีไซน์อาหารจานพิเศษสำหรับ กระต่าย แก๊สบี้ ชินเชล่า ในครั้งนี้ โดยวัตถุดิบหลักของทุกจานใช้ ผลิตภัณฑ์คูนิ สำหรับกระต่ายโดยเฉพาะ มีการขึ้นรูปร่างพิเศษ ผสมกับผลไม้สด และหญ้าออแกนิค ที่ดีต่อสุขภาพของสัตว์ด้วย ซึ่งเจ้าของสามารถนำเทคนิคในการผสมผสานวัตถุดิบเหล่านี้ให้สัตว์เลี้ยงกินได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง
นอกจากกิจกรรมร่วมโต๊ะอาหารแล้ว ยังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงดูสัตว์เหล่านี้ จากผู้เชี่ยวชาญ และสัตวแพทย์ภายในงานด้วย น.สพ.ณฐวุฒิ คณาติยานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงพรีเมียร์ หนึ่งในสัตวแพทย์ที่มาร่วมงาน ให้คำแนะนำใน การดูแลสัตว์เลี้ยงกลุ่มฟันแทะ ให้มีสุขภาพแข็งแรง มีความสุข และมีอายุยืน ควรเลือกอาหารที่เหมาะกับธรรมชาติของสัตว์ ดังนี้
เน้นไฟเบอร์: หญ้าเหมาะสำหรับสัตว์ฟันแทะมากที่สุด เพราะกระต่ายมีฟันงอกยาวขึ้นทุกวัน ควรเลือกอาหารที่มี เส้นใยจากหญ้าจะช่วยขัดฟันให้สึกไปตามธรรมชาติ ช่วยป้องกันให้ฟันไม่งอกยาวเกินไปจนทิ่มช่องปาก
ห้ามกินช็อกโกแลต: ช็อกโกแลตมีสาร ธีโอโบรมีน ซึ่งสัตว์เลี้ยงไม่มีเอนไซม์ย่อยสารเหล่านี้ จะมีผลต่อระบบประสาท และการเต้นของหัวใจ หรืออาจเป็นพิษต่อร่างกายได้
เลี่ยงน้ำตาล: ของหวานของมนุษย์ไม่เหมาะกับระบบย่อยอาหารของกระต่าย ร่างกายของสัตว์ฟันแทะสร้างมาย่อยไฟเบอร์ ผัก หญ้า ถ้ากินอาหารหวานมาก น้ำตาลมากจะส่งผลเสียต่อร่างกายของพวกมัน
เลือกขนมขบเคี้ยวสำหรับสัตว์เท่านั้น: ควรเลือกอาหารสำหรับกระต่ายโดยเฉพาะ เนื่องจากกระต่ายมีระบบการย่อยอาหารต่างจากคน และกินในปริมาณที่เหมาะสม เช่น ผักผลไม้อบแห้งสำหรับสัตว์ ขนมสำหรับกระต่าย แต่เลือกสูตรที่มีน้ำตาลน้อย
กินน้ำอุณหภูมิห้อง: ไม่ควรให้สัตว์กินน้ำเย็นมากไป หรือเกล็ดน้ำแข็ง
ทั้งนี้ ภมรชัย เล่าว่า "ตลาดอาหารสัดเติบโต แต่กำไรน้อยลง ต้องปรับกลยุทธ์ การทำการตลาดอาหารสัตว์ในปีนี้ไม่ใช่เพื่อเพิ่มยอดขาย แต่ให้ความรู้เพื่อให้คนเข้าใจมากที่สุด"
ซึ่งสะท้อนว่าการจัดกิจกรรมที่ไม่เน้นการขาย นับเป็นการปรับกลยุทธ์ในการทำตลาดธุรกิจอาหารสัตว์ที่ใช้การทำกิจกรรม สร้างความสัมพันธ์และให้ความรู้เป็นตัวนำ ทำให้ธุรกิจมีความแตกต่าง ในขณะที่หลายๆ แบรนด์ หลายๆ ตลาด ถูกบีบบังคับให้ต้องแข่งขันด้านราคา ด้วยข้อจำกัดในการใช้จ่ายของผู้บริโภค แต่การปรับกลยุทธ์โดยเน้นประโยชน์ของลูกค้า ให้เกิดความประทับใจ หรือมีการใช้อารมณ์ความรู้สึกเข้ามามีส่วนกระตุ้นในการซื้อในอนาคต หรือส่งผลต่อความรู้สึกที่มีต่อแบรนด์ได้มากขึ้นในระยะยาว ที่อาจมีส่วนช่วยสร้างการเติบโตต่อไปได้ท่ามวิกฤติ