'กสิกร-ซีไอเอ็มบีรุกเวลธ์ โฟกัสปล่อยกู้ที่ดิน-บอนด์

    นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า กลยุทธ์ของธุรกิจไพรเวทแบงกิ้ง (Private banking) (สินทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 50ล้านบาท) ธนาคารตั้งเป้า เติบโตในส่วนของสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM)ปีหน้าเพิ่ม10-15% จากปัจจุบันที่อยู่ราว 8 แสนล้านบาท ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุนรวมคาดเติบโตไม่ต่ำกว่า5%

     ทั้งนี้การเติบโตของไพรเวทแบงกิ้ง จะมาจาก 3 ส่วนหลัก ทั้งจากฐานลูกค้าเดิมที่อัพเกรดมาอยู่ในกลุ่มไพรเวทแบงกิ้ง และจากการเพิ่มสินทรัพย์ หรือเงินลงทุนของลูกค้าเดิม และเติบโตจากการปล่อยสินเชื่อ Land Loan for Investment หรือการนำที่ดินมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อเพื่อต่อยอดการลงทุนกับธนาคาร

    ปัจจุบันมีลูกค้าคนรวย สนใจนำที่ดินมาขอสินเชื่อแล้ว 90 คน ซึ่งคิดเป็นมูลค่าที่ดินกว่า 2.8 หมื่นล้านบาท และปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 8.9 พันล้านบาท และอยู่ระหว่างปล่อยกู้อีก4-5 พันล้านบาท หากเทียบกับพอร์ตลูกค้าไพรเวทแบงกิ้งปัจจุบันถือครองที่ดินสูงถึง 30 0คน โดยมีมูลค่าที่ดินไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท

    สำหรับกลยุทธ์การลงทุนปีหน้า ยังให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นโลกมากกว่าตลาดหุ้นในประเทศ รวมไปถึงหุ้น Cyclical หุ้นที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโลก และลงทุนใน High yield bond เพื่อหาผลตอบแทนขึ้น รวมถึงทองคำ ที่เติบโตได้ภายใต้ความผันผวนสูง และการลงทุนในหุ้นที่เน้นความยั่งยืนมากขึ้น

    ด้านนางสาวดุษณี เกลียวปฏินนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์การออมและกลยุทธ์ลูกค้าบุคคลธนกิจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ CIMBT กล่าวว่า แผนปีหน้าของธุรกิจ Wealth Management ของธนาคาร ตั้งเป้าฐานลูกค้าเติบโตอีก 1 หมื่นราย เป็น 9.6 หมื่นราย จากปัจจุบันที่มีฐานลูกค้ารวมที่ 8.6 หมื่นราย ทั้งลูกค้ากลุ่ม Preferred ที่มี AUM 3-29.99 ล้านบาท และ ลูกค้า Private Wealth ที่มี AUM ตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ตั้งเป้าเติบโตในส่วนค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 25%

  ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงม.ค.ปีหน้า ธนาคารจะเปิดให้บริการปล่อยสินเชื่อจากหลักทรัพย์ค้ำประกันที่เป็น หุ้นกู้ กองทุน เงินฝาก เพื่อต่อยอดการลงทุนกับซีไอเอ็มบีไทยให้กลุ่มเวลธ์ด้วย โดยคาดนำร่องที่ หุ้นกู้ก่อน เบื้องต้นกำหนดดอกเบี้ยสินเชื่อไม่เกิน 3% และกำหนดวงเงินสูงสุดในการปล่อยกู้ไม่เกิน 50 ล้านบาท

    “การปล่อยสินเชื่อจากหลักทรัพย์ค้ำประกัน ก็เพื่อต่อยอดเงินลงทุนให้กับลูกค้า ส่วนการให้กู้ต้องดูระดับความเสี่ยงของสินทรัพย์ ซึ่งกำหนดปล่อยกู้ตั้งแต่ 50-85% ของหลักประกัน หากเป็นหุ้นกู้ที่เรทติ้งดีเป็นต้น”