'ท่องเที่ยวไทย' Phoenix will rise again!
หลังจากต้องเผชิญวิกฤติโควิด-19 มาเกือบปี จะทำอย่างไรเพื่อฟื้นคืนชีพ "การท่องเที่ยวไทย" ให้กลับมาเหมือนเดิมอย่างไรได้บ้าง?
ผู้เขียนอยากจะส่งท้ายปีนี้ด้วยการให้กำลังใจผู้ประกอบการท่องเที่ยวว่า การท่องเที่ยวไทยจะกลับมาเหมือนเดิมในท้ายที่สุดแม้จะต้องใช้เวลาบ้าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้กำหนดแผน 2 ปี คือปี 2564-2565 คืนชีพให้แก่ภาคท่องเที่ยวไทยเปรียบเสมือน “นกฟีนิกซ์” ที่ฟื้นขึ้นมาจากกองเถ้าถ่าน
โดยตั้งเป้าว่าปี 2565 จะสามารถสร้างรายได้กลับมาประมาณร้อยละ 80-90 ของรายได้ปี 2562 (ซึ่งเคยมีรายได้รวมกว่า 3 ล้านล้านบาท) หมายความว่าในปี 2565 ภาคเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทยตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถสร้างรายได้ถึง 2.5 ล้านล้านบาท
นกฟีนิกซ์เป็นนกในตำนานของชาวกรีกโบราณ ซึ่งกล่าวถึงนกที่สวยงามมีสีทองหรือสีเหมือนไฟ เป็นนกที่ได้รับพรจากเทพเจ้าอพอลโลให้เป็นอมตะ นกฟีนิกซ์นี้ดื่มน้ำค้างและกินสายหมอกเป็นอาหาร มีเสียงอันไพเราะที่สามารถปลุกปลอบใจคนที่หมดหวังให้มีความหวังขึ้นมาอีกได้ นกชนิดนี้เมื่ออายุครบ 500 ปีก็จะเอาไม้หอมมากองเป็นฟืนแล้วขอพรให้เทพเจ้าส่งสายฟ้ามาก่อเกิดเป็นเพลิงลุกไหม้ร่างกาย แล้วก็จะเกิดใหม่จากเถ้าถ่าน เป็นนกที่สวยงามและมีเสียงอันไพเราะเหมือนเดิม ก็หวังว่าการท่องเที่ยวไทยจะเกิดใหม่ได้ตามแผนที่ตั้งใจไว้
ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยจากพิษสงของโควิด-19 ในปีนี้ทำให้ ททท.ได้คาดคะเนว่าปีนี้รายได้รวมยอดการท่องเที่ยวทั้งการท่องเที่ยวต่างประเทศและการท่องเที่ยวในประเทศ จะลดลงกว่าปีที่แล้วถึงร้อยละ 60 รายได้รวมจะเกิดจากตลาดท่องเที่ยวต่างชาติ 8.2 แสนล้านบาทและรายได้จากตลาดท่องเที่ยวไทย 4.02 แสนล้านบาท
ททท.ประเมินสถานการณ์ของการท่องเที่ยวในประเทศสำหรับปี 2564 ไว้หลายสถานการณ์ด้วยกันก็คือ หนึ่ง หากมีการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวไทยประมาณ 66.0 ล้านคนครั้ง และรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศลดลงเป็น 3.7 แสนล้านบาท
สอง เป็นสถานการณ์ที่ล็อกดาวน์เพียงบางจังหวัด ซึ่งหากสถานการณ์ท่องเที่ยวฟื้นตัวกลางปี 2564 จะทำให้มีนักท่องเที่ยวไทยประมาณ 93 ล้านคนครั้ง และมีรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศ 5.36 แสนล้านบาท สาม สถานการณ์สุดท้ายคือคาดว่าจะฟื้นตัวเร็วในช่วงปี 2564 ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยประมาณ 99.1 ล้านคนครั้ง และมีรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศ 5.75 แสนล้านบาท
(ทั้งนี้อยู่ภายใต้สมมติฐานว่าจะไม่มีการติดเชื้อระลอกใหม่ขนานใหญ่ และรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปี 2564 อีกทั้งคนไทยจะยังไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19) ส่วนสถานการณ์ที่ดีที่สุดที่ ททท.คาดว่าคนไทยจะเที่ยวถึง 125 ล้านคนครั้ง (เทียบกับ 230 ล้านคนครั้ง ในปี 2562) และมีรายได้จากการท่องเที่ยว 7.74 แสนล้านบาท (เทียบกับ 1.08 ล้านล้านบาทในปี 2562)
สำหรับตลาดต่างประเทศ ททท.คาดว่าสถานการณ์ในปี 2564 จะไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2563 มากนักเพราะเป็นการปรับฐานและฟื้นความเชื่อมั่น และตลาดสำคัญที่สุดคือตลาดจีนได้ส่งสัญญาณมาอย่างชัดเจนว่ายังจะไม่ให้คนจีนออกนอกประเทศ จนกว่าคนจีนจะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19
นอกจากนี้ ททท.ยังได้ตั้งเป้าว่าในปี 2564 เราจะยังคงครองอันดับ 1 ใน 5 ของโลกที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุดและสร้างรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 700,000 ล้านบาทและไม่เกิน 1.5 ล้านล้านบาท เป้านี้ไม่ถือว่าเป็นเป้าที่สูง เพราะประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศเดียวที่ติดลำดับ 1 ใน 5 ของประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2559
เมื่อดูสถิติรายรับรวมในปี 2562 แล้วไทย อยู่ในลำดับที่ 4 ของโลก เรียงตามลำดับได้แก่ สหรัฐ สเปน ฝรั่งเศส ไทยและสหราชอาณาจักร แต่หากวัดจากรายได้สุทธิแล้วไทยเป็นลำดับ 3 มาตั้งแต่ปี 2560 แล้ว
หากเรามองย้อนหลังไปตั้งแต่ปีแรก ที่ประเทศไทยมีสถิติด้านการท่องเที่ยวก็จะพบว่าการท่องเที่ยวไทยได้ประสบความสำเร็จอย่างสูง จากการมีผู้มาเยือนจากต่างประเทศเพียง 44,373 คน ในปี 2500 สร้างรายได้เพียง 105.8 ล้านบาท หลังจากนั้น ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวถึง 1 ล้านคนเป็นครั้งแรกในปี 2516 แล้วขึ้นเป็น 10 ล้านคนในปี 2544 และเป็น 15 ล้านคนในปี 2553
ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2562 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนไทยถึงเกือบ 40 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวนานาชาติเกือบ 2 ล้านล้านบาท เป็นประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงเป็นลำดับ 4 ของโลก มีรายรับสูงถึง 60.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2562 (UNWTO, 2020)
ปี 2564 จึงเป็นปีสำคัญที่เราต้องสร้างความเข้าใจร่วมกันในการจัดการโควิด-19 และจัดการเศรษฐกิจไทย คนไทยต้องเข้าใจว่าชีวิตของเราทุกคนรวมทั้งระบบเศรษฐกิจมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน โควิด-19 สอนให้เรารู้ว่ามนุษย์เราต้องพึ่งพิงและพึ่งพากัน ไม่ใช่ว่าร่างกายของเราเป็นของเรา ชีวิตของเราจะใช้ให้เสรีอย่างไรก็ได้ การใช้ชีวิตของเราอาจจะไปกระทบต่อการใช้ชีวิตและความอยู่ดีมีสุขของคนอื่นๆ ดังกรณีหญิงที่ข้ามพรมแดนธรรมชาติเข้ามา ซึ่งตอนนี้กำลังสร้างความปั่นป่วนให้กับวงการท่องเที่ยวของเชียงใหม่และเชียงราย และอาจจะกระจายผลกระทบทางลบต่อไปทั่วประเทศ
ดังนั้น คนไทยทุกคนในขณะนี้จึงต้องรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม ดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดีและช่วยเฝ้าระวังคนในชุมชน ให้รักษาการ์ดไม่ให้ตก และเป็นหูเป็นตาดูแลให้ชุมชนมีสุขอนามัยที่ดีด้วย
ในวาระดิถีวันขึ้นปีใหม่นี้ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยจงปกป้องท่านผู้อ่านทุกคนให้มีร่างกายแข็งแรง มีความสุข มีสัมมาอาชีวะและผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปได้อย่างดีด้วยกันค่ะ