จับทุจริต 'คนละครึ่ง' รายแรก ชี้ผิดปกติทั้งร้านค้า-ผู้เข้าร่วมกว่า 700 ราย
ตำรวจ ปอศ. จับทุจริต "คนละครึ่ง" รายแรก ชี้ผิดปกติทั้งร้านค้า-ผู้เข้าร่วมกว่า 700 ราย
สืบเนื่องจากการทุจริตในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวแล้ว วันนี้จะมีการแถลงข่าว การจับกุมขบวนการทุจริตในโครงการคนละครึ่ง หลังพบความผิดปกติ ทั้งร้านค้า-ผู้เข้าร่วม กว่า 700 ราย
หลังจากที่กระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยความผิดปกติ โครงการคนละครึ่ง ซึ่งมีทั้งร้านค้า-ผู้เข้าร่วม กว่า 700 ราย เข้าข่ายทุจริตในรูปแบบต่างๆ ทั้งที่เป็นรูปแบบทำตามซ้ำๆกัน , แบบการทดลองทำ และแบบที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งถูกตรวจสอบพบในระบบของธนาคารกรุงไทย และผ่านการร้องเรียนของประชาชน และที่ผ่านมากระทรวงการคลังก็ประสานกับทางตำรวจเฝ้าจับตาพฤติกรรมเหล่านี้มาโดยตลอด
วันนี้ (18 ธันวาคม 2563) พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า คดีนี้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. เป็นผู้รับผิดชอบสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเหล่านี้ ซึ่งเบื้องต้นจะเป็นการดำเนินคดีคล้ายกับในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เนื่องจากพฤติการณ์กระทำความผิดเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกง เป็นคดีที่สามารถยอมความได้หากผู้เสียหายยินยอม แต่อย่างไรก็ตามต้องดูในรายละเอียดด้วยว่าพฤติกรรมการกระทำความผิดของผู้ที่เข้าข่ายทุจริตแต่ละรายเป็นอย่างไร มีเจตนามากน้อยเพียงใด
ขณะที่พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ปอศ. เปิดเผยว่า คดีนี้กระทรวงการคลังในฐานะผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ไว้เมื่อเดือนที่แล้ว หลังพบผู้กระทำความผิดกว่า 700 ราย โดยขณะนี้ฝ่ายสืบสวนมีการจับกุมผู้กระทำได้แล้ว 1 ราย ซึ่งเป็นร้านค้าในพื้นที่ย่านมหาชัย จังหวัดสุมรสาคร หลังพบว่ามีการทำเป็นขบวนการในการทุจริต มีผู้ที่เกี่ยวข้องแบ่งเป็น 3 ฝ่าย คือ ร้านค้า , คนชักชวน และประชาชนที่ร่วมการกระทำความผิด ส่วนความเสียหายยอมรับว่าไม่มาก เพราะธนาคารตรวจพบความผิดปกติได้ก่อน จึงสั่งอายัดเงินไว้ได้ทัน อย่างไรก็ตามสำหรับรายละเอียดการจับกุมทั้งหมด จะมีการแถลงชี้แจงรายละเอียดอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะมีจากตัวแทนกระทรวงการคลัง และธนาคารกรุงไทย เข้าร่วมแถลงชี้แจงด้วย