ส.อ.ท.ระบุล็อกดาวน์สมุทรสาคร เสียหากกว่า1พันล้านบาทต่อวัน
ส.อ.ท. ระบุ ผลกระทบล็อกดาวน์สมุทรสาคร กระทบเศรษฐกิจกว่า 1 พันล้านบาทต่อวัน ด้านโรงงานปรับตัว เพิ่มกะการทำงาน เพื่อเพิ่มระยะห่าง ตรวจเข้มเข้าทำงาน แนะรัฐเร่งจัดการขบวนการลักลอบนำแรงงานเถือนเข้าประเทศ จะป้องกันโควิดได้ดีสุด
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร ทำให้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ประชาชน และอุตสาหกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยจากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะส่งผลกระทบมีมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาทต่อวัน จากการล็อกดาวน์จ.สมุทรสาคร รวมทั้งยังกระทบต่อภาพลักษณ์สินค้าของจังหวัดที่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอาหาร หลังจากที่ไทยป้องกันโควิดได้ดีทำให้ทั่วโลกต่างวางใจสินค้าไทย
ทั้งนี้ ล่าสุดโรงงานในจังหวัดสมุทรสาคร มีโรงงานของ บริษัท ไทยยูเนียนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เพียง 1 โรง ที่หยุดดำเนินงาน 14 วัน และทำบิ๊กคลีนนิ่ง เนื่องจากตรวจพบแรงงานติดโควิด 1 ราย ส่าวนโรงงาอื่น ๆ ยังคงทำงานตามปกต้ แต่ก็ปรับตัวโดยการเพิ่มกะการทำงานเป็น 2 กะ เพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างบุคคล รวมทั้งจัดทำตามคู่มือของ ส.อ.ท. ในการตรวจสอบแรงงานก่อนเข้าโรงงานอย่างเข้มงวด ทั้งการวัดอุณหภูมิ การใส่ห้ากากตลอดเวลาในโรงงาน มีเจลล้างมือในทุกจุด และล้างมือเป็นระยะ และที่สำคัญให้ทุกโรงงานดาวโหลดโปรแกรมหมอชนะ เพื่อให้ทกุคนสแกนคิวอาร์โค้ดโปรแกรมนี้ก่อนเข้าโรงงาน เพราะมีความละเอียดสามารถสรวจสอบย้อนกลับได้อย่างชัดเจน
โดยสิ่งที่รัฐบาลควรทำอย่างเร่งด่วน ก็คือการป้องกันการลักลอบเข้ามเองให้ได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งการลักลอบเข้าเมืองนี้จะทำกันเป็นขบวนการจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าอาจจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง หากป้องกันในจุดนี้ได้ก็จะแก้ไขปัญหาการระบาดของโควิดในกลุ่มแรงงวานต่างด้าวได้ตรงจุด โดรใน จ.สาครนี้ แรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองจะอยู่ในกลุ่มตลาดกุ้ง ตลาดสดทั่วไป ส่วนในโลกงานจะเป็นแรงงานถูกกฎหมายเกือบ 100% ทุกรายผ่านการตรวจสอบสุขภาพ และมีประกันสังคม เพราะว่าแรงงานในโรงงานจะถูกตรวจสอบอบ่างเข้มงวด หากพบว่ามีต่างด้าวผิดกฎหมายจะถูกปรับกว่า 2 แสนบาทต่อคน และต้นทุนค่าจ้างแรงงานยังสามารถทำไปลดหย่อนภาษีได้
“ขณะนี้ ได้จำกัดการแพร่ระบาดของโควิดได้แล้ว โดยได้ล็อกดาวน์ห้างแรงงานในพื้นที่ตลาดกุ้งออกนอกพื้นที่ทั้งหมด 14 วัน ซึ่งเป็นการป้องกันการติดโรคกับแรงงานในโรงงานได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งทางผู้ประกอบการอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาปูพรมตรวจแรงงานในโรงงาน โดยผู้ประกอบการพร้อมที่จะจ่ายค่าตรวจในบางส่วน เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัย”
นอกจากนี้ ส.อ.ท. ยังได้บริจากเงิน 1 แสนบาท ช่วยซื้ออาหารและสิ่งจำเป็นให้กับแรงงานต่างด้าวที่ถูกล็อกดาวน์ในตลาดกุ้ง เพื่อให้ผ่านการกักตัวนี้ไปได้ รวมทั้งยังได้มอบโรงพยาบาลสนาม จำนวน 18 หลัง 180 เตียง และเครื่องฟอกความดันต่ำ 20 เครื่อง ให้กับประเทศเมียนมา มูลค่ากว่า 5.5 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ติดโควิดในเมียนมาอย่างเร่งด่่วน เพราะขณะนี้มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มกว่าวันละ 1 พันคน
ในส่วนของการแก้ไขปัญหาการลักลอบแรงงานเข้าประเทศในระยะยาว ส.อ.ท. มีแผนที่จะเข้าไปหารือกับรัฐบาลให้ตั้งศูนย์นำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งอาจจะเป็นศูนย์ถาวร โดยผู้ประกอบการที่ต้องการใช้แรงงานต่างด้านก็จะเข้ามาที่ศูนย์ที่เพื่อประสานจัดหาแรงงานต่างด้าวจากเมียนมา ลาว และกัมพูชาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลเพียงแต่เปิดให้มีการขึ้นทะเบีบนต่างด้าวเป็นครั้งคราวทำให้ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการแร่งงานต่างด้าวที่เปลี่ยนไป
สำหรับภาคอุตสาหกรรมใน จ.สมุทรสาคร มีโรงงานประมาณ 6,082 โรง มีจำนวนแรงงาน 345,284 คน ในจำนวนนนี้เป็นแรงงานต่างด้าว 23,3071 คน โดยโรงงานส่วนใหญ่ ได้แก่ 1. อุตสาหกรรม อาหาร วัตถุดิบเกษตร จักรกล และ อุตสาหกรรมทั่วไป 2. อุตสาหกรรมยา สมุนไพร เครื่องมือแพทย์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเทคโนโลยีชีวภาพ ผลิตภัณฑ์ยาง 3. อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม สิ่งทอ เส้นใยประดิษฐ์ 4. อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ พลาสติก แก้วและกระจก เยื่อและกระดาษ อลูมิเนียม การพิมพ์ 5. อุตสาหกรรมผู้ผลิตไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ก๊าซ พลังงานหมุนเวียน 6. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ 7. อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ และ 8. อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างและผู้รับเหมา
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิดรอบ 2 นี้ จะกระทบต่อการใช้จ่ายในช่วงปีใหม่อย่างแน่นอน ทั้งยอดการซ้อขายบ และงานอีเว้นท์ปีใหม่ในที่ต่าง ๆ ที่ต้องหยุดไป แต่ก็คาดว่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้น และไม่กระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2564 มากนัก เพราะได้มีการคนพบวัคซีนโควิดแล้ว และขณะนี้ต่างด้าวก็หยุดการลักลอบเข้าไทย เพราะเข้ามาก็หางานทำไม่ได้ จึงมั่นใจว่าในครั้งนี้น่าจะควบคุมขอบเขตการระบาดได้