ไม่อนุญาตฎีกา 'ไซซะนะ แก้วพิมพา' คุกตลอดชีวิต ค้ายาเสพติด

ไม่อนุญาตฎีกา 'ไซซะนะ แก้วพิมพา' คุกตลอดชีวิต ค้ายาเสพติด

ศาลยกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ฎีกา 'ไซซะนะ แก้วพิมพา' ผู้ต้องหายาเสพติดรายใหญ่ชาวลาว พร้อมพวกขนยาบ้า 1.2 ล้านเม็ดเข้าไทย คดีจึงถึงที่สุดจำคุกตลอดชีวิต ตามคำพิพากษาศาลอุทรณ์

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ธันวาคม 63ที่ห้องพิจารณาคดี 811 ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ อย.1642/2560 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายไซซะนะ แก้วพิมพา (Xaysana Keopimpha) อายุ 44 ปี นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ชาว สปป.ลาว เป็นจำเลยในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันนำเข้ายาบ้าซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534อัยการโจทก์ฟ้องว่า

จำเลยกับพวกซึ่งอยู่ที่ สปป.ลาว รวมกันทำหน้าที่จัดหายาเสพติด รวมทั้งรถยนต์สำหรับซุกซ่อน และรถยนต์นำทางในการขนลำเลียงยาเสพติด โดยมีพวกของจำเลยที่อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นคดีต่อศาลอาญาไว้แล้วรวม 6 คน ร่วมกระทำผิดในการทำหน้าที่ขับรถรับยาเสพติดจาก สปป.ลาวเข้ามาในประเทศไทยเพื่อส่งต่อ พวกจำเลยได้มีการขับรถนำทางและสำรวจเส้นทางเพื่อตรวจสอบว่ามีด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ 

ก่อนที่จะประสานติดต่อกันเพื่อส่งมอบยาให้กับเครือข่ายยาเสพติดทางภาคใต้ของไทยและประเทศมาเลเซียโดยเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2559 จำเลยกับพวกที่ถูกฟ้องแล้ว และอีกหลายคนที่หลบหนี ร่วมกันนำยาบ้าจำนวน 1.2 ล้านเม็ดจาก สปป.ลาว ซุกซ่อนในช่องลับใต้หลังคารถยนต์ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.หนองคาย เข้ามาในไทย โดยตำรวจสามารถจับกุมเครือข่ายจำเลย พร้อมยึดยาของกลางได้ กระทั่งขยายผลการจับกุมพวกจำเลยอีกส่วนที่อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นคดีไว้แล้ว ก่อนจะจับกุมจำเลยได้เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2560 เหตุเกิดที่ สปป.ลาว, ด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.หนองคาย, ด่านตรวจยาเสพติดสีคิ้ว จ.นครราชสีมา, ด่านตรวจยาเสพติดบ้านพละ จ.ชุมพร และลานจอดรถโรงแรมคริสตัน จ.สงขลา
 

ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ 

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ประหารชีวิต ฐานนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นบทลงโทษหนักสุด แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษา เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2562 แก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 5 (1) (2), มาตรา 8 วรรคสอง, พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), มาตรา 65 วรรคสอง, มาตรา 66 วรรคสาม และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ส่วนโทษนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น ซึ่งพิพากษาให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิต

โดยในวันนี้ศาลเบิกตัวนายไซซะนะ จำเลยมาจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เพื่อฟังคำสั่งขออนุญาตฎีกา ซึ่งศาลฎีกาพิจารณาคำร้องที่จำเลยขอฎีกาเกี่ยวกับคดียาเสพติดแล้ว มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกา และยกคำร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยไม่อนุญาตฎีกา ผลคำพิพากษาจึงถึงที่สุดและเป็นไปตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต