นวัตกรรมหยุด 'โรคหลอดเลือดหัวใจ'

โรคหลอดเลือดหัวใจยังคุกคามคนไทยไม่หยุด เป็นเหตุให้เสียชีวิตชั่วโมงละ 2 คน ปีละกว่าสี่แสนคน พบสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต กินอาหารไขมันสูง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แนะให้ตรวจสุขภาพเป็นประจำ

นพ.รังสรรค์ ชัยเสวิกุล ผู้อำนวยการแพทย์โรงพยาบาลธนบุรี 2 ในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบบประสาทและสมอง กล่าวว่า ปัจจุบันโรคหลอดเลือดหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตในอันดับต้นๆ ของทุกประเทศในโลก แม้แต่นักกีฬาที่ถือว่าเป็นบุคคลที่แข็งแรง ก็ยังได้ยินข่าวอยู่บ่อยๆ ว่ามีการเสียชีวิตระหว่างแข่งขัน โรคหัวใจจึงถือเป็นโรคที่มากับความเงียบ

จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขปี 2561 พบว่าคนไทยป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด 432,943 คนต่อปี มีอัตราการเสียชีวิตถึง 20,855 คน ต่อปี หรือ ชั่วโมงละ 2 คน

สาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจนั้น นพ.รังสรรค์ กล่าวว่า เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนไทยโดยตรง เมื่อมีการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ทำให้อ้วน ลงพุง จึงป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบกันมากขึ้น เหมือนกับชาวยุโรปหรืออเมริกันที่ป่วยเป็นโรคนี้กันมาก

ส่วนกรณีที่ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่มีอาการวูบ เสียชีวิตขณะออกกำลังกาย ซึ่งกรณีนี้ นพ.รังสรรค์ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องบอกว่าแพทย์ยังสนับสนุนในออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการเสียชีวิตจากการออกกำลังกายถือว่าน้อยมากสัดส่วนเพียง 1 ใน 200,000 คนเท่านั้น เพียงแต่ว่าคนที่ป่วย อาจจะไม่รู้ตัวว่ามีโรคประจำตัวมาก่อน เพราะไม่เคยตรวจสุขภาพเลย จู่ๆ ก็ไปออกกำลังกายหนัก เช่น วิ่งมาราธอน ก็อาจจะเสียชีวิตขึ้นมาได้ ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิตก็มาจากโรคหัวใจนั่นเอง

“การแพทย์ทั่วโลกไม่อยากให้มนุษย์ต้องเสียชีวิตด้วยโรคที่เราสามารถป้องกันได้ รักษาได้ คือ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน สิ่งเราพอจะทำได้ คือคนที่ยังปกติดีทุกอย่าง ต้องมาตรวจสุขภาพ ตรวจหาปัจจัยเสี่ยง ซึ่งขณะนี้เทคโนโลยีทันสมัยมากๆ จนสามารถค้นหา และรักษาอย่างได้ผล” นพ.รังสรรค์ กล่าว

ด้าน เฉลิมกุล อภิบุณโยภาส ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธนบุรี 2 กล่าวว่า ปัจจุบัน หากกล่าวถึงเทคโนโลยีด้านการแพทย์ เมื่อเทียบกับ 10 ปี พบว่าก้าวหน้ามากกว่าที่คิด มีการนำเครื่องมือทางการแพทย์ที่นำสมัยมาใช้ อย่างล่าสุด เครื่องเอ็กซ์เรย์ คอมพิวเตอร์ หรือ CT Scan 443 Slides รุ่นใหม่ทันสมัยที่สุดรุ่นหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน เรียกว่า Auto-Positioning CT. Scan ซึ่งเหมาะกับสภาวะการระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นระบบการจัดท่าคนไข้แบบอัตโนมัติ เพื่อลดการสัมผัสผู้ป่วย

เครื่องดังกล่าวนี้จะให้ภาพที่มีความละเอียด คมชัดสูงในทุกระบบอวัยวะของร่างกาย โดยมีความเร็วในการสแกน 1 รอบ ได้ภาพ 443 ภาพในเวลา 0.4 วินาที ทำให้ลดปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยจะได้รับถึง 82% สามารถใช้ได้ทั้งผู้ป่วยวิกฤติทางสมอง ไปจนถึงตรวจลำไส้ใหญ่เพื่อหาเนื้องอก

นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจแคลเซียมหรือหินปูนที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ ที่เป็นสาเหตุของกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน พร้อมทั้งมีโปรแกรมวิเคราะห์หลอดเลือดหัวใจ โดยสามารถหมุนหลอดเลือดเพื่อมองให้ครบทั้ง 360 องศา ดูบริเวณที่แคบที่สุดของหลอดเลือดโดยอัตโนมัติ และสร้างแบบจำลองในการเตรียมทำบอลลูน (Balloon) หรือใส่ขดลวด Stent โดยหาปริมาตรและความยาวได้

“เครื่องเอ็กซ์เรย์ คอมพิวเตอร์ หรือ CT Scan 443 Slices ที่ถือเป็นทางเลือกในการรักษานั้น ยังสามารถวินิจฉัยหาอาการของโรคที่ซับซ้อนในร่างกายผู้ป่วยโดยที่ยังไม่ปรากฏอาการให้รับรู้มาก่อนด้วย เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา” ผู้อำนวยการ รพ.ธนบุรี 2 กล่าว