สธ.ขอประชาชนฉลองปีใหม่กับครอบครัว งดเดินทางออกนอกพื้นที่
สธ.ขอประชาชนฉลองปีใหม่กับครอบครัว งดเดินทางออกนอกพื้นที่ ลดโอกาสแพร่เชื้อโควิด 19
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดรอบใหม่ เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2563 ถึงปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อกระจายไปใน 45 จังหวัด บางจังหวัดพบผู้ติดเชื้อเพียง 1-2 ราย หรือ 5-10 ราย ไม่ได้ติดเชื้อทั้งจังหวัดและอยู่ในสถานการณ์ควบคุมได้ กรณี จ.สมุทรสาครจะควบคุมโรคให้การระบาดสิ้นสุดหรือเหลือน้อยที่สุดภายใน 2-4 สัปดาห์ แต่ช่วงเวลาดังกล่าวคร่อมกับช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมีการเดินทางจำนวนมาก มีการรวมตัวเฉลิมฉลอง ทำให้มีโอกาสแพร่กระจายเชื้อได้อย่างดี จึงต้องมีมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด หากไม่สามารถควบคุมโรคได้ จะทำให้การควบคุมโรคยากขึ้น ขอให้คนไทยงดการเดินทางออกนอกจังหวัด พยายามอยู่บ้าน ฉลองปีใหม่กับคนในครอบครัว งดไปฉลองกับคนหมู่มาก การดื่มสุรา การละเล่นและตะโกนต่างๆ ทำให้มีโอกาสเกิดการแพร่กระจายเชื้อยากต่อการควบคุม
“อยากให้ประเทศไทยก้าวข้ามปีใหม่ด้วยความปลอดภัย ไม่มีผู้ใดติดเชื้อเพิ่ม ขอความร่วมมือทำตามมาตรการ คือ รักษาระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ ตรวจรักษาเร็ว และสแกนไทยชนะ ส่วนมาตรการของภาครัฐจะดำเนินการอย่างเหมาะสม ไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบในชีวิตประจำวันและเศรษฐกิจ”นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างคัดแยกคนในชุมชนศรีเมือง ตลาดกลางกุ้งจำนวน 4 พันรายที่กักกันโรคมาแล้ว 12 วัน โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม แยกพักใน 4 อาคาร ดังนี้ 1.ผู้ติดเชื้อที่มีผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ติดเชื้อเกิน 10 วัน ผลการตรวจเลือดพบมีภูมิคุ้มกันแล้ว กรมควบคุมโรคจะออกหนังสือรับรอง สามารถใช้ชีวิตตามปกติ 2.ผู้ติดเชื้อแต่ยังไม่ครบ 10 วัน ตรวจไม่พบภูมิคุ้มกันถือว่ามีโอกาสแพร่เชื้อสู่คนอื่น 3.ผู้ที่ตรวจด้วยวิธี RT PCR ไม่พบเชื้อ ที่ยังอยู่ในระยะฟักตัวของโรค และ4.ผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ
สำหรับผู้ป่วย 5 รายแรกของสมุทรสาคร ขณะนี้พ้นระยะ 10 วันแล้วสามารถกลับบ้านได้ โดยรายของหญิงอายุ 95 ปีที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงสามารถหายใจได้เอง ไม่ต้องให้ออกซิเจน ไม่มีอาการทางปอด ถือว่าปลอดภัยหายดีแล้วไม่พบเชื้อ ส่วนปัญหาการมีแผลกดทับจาการนอนติดเตียงหลายปี ได้ให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อาการดีขึ้น ไข้ลดลง ทั้งนี้ การตรวจพบผู้ติดเชื้อ 1 คน สิ่งที่ต้องดำเนินการ คือ ค้นหาผู้สัมผัสและแยกว่าเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงหรือเสี่ยงต่ำ โดยสามีภรรยา มีโอกาสติดเชื้อ 40-50 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นคนในครอบครัวมีโอกาสติดเชื้อ 10 เปอร์เซ็นต์ และผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอื่นๆ มีโอกาสติดเชื้อ 3 เปอร์เซ็นต์ หากค้นหาผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสเสี่ยงสูงได้รวดเร็ว โอกาสที่จะเจอผู้ป่วยและควบคุมการระบาดได้ก็มีสูง การพบผู้สัมผัสมากและตรวจได้มาก จะลดโอกาสการแพร่กระจายเชื้อได้เร็ว
ด้านนพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการสถาบันควบคุมโรคเขตเมือง กล่าวว่า สถานการณ์ภาพรวมในกรุงเทพมหานคร พบผู้ติดเชื้อแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มที่ 1 มีความเชื่อมโยงกับตลาดกลางกุ้ง สมุทรสาคร มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 70 ราย สูงสุดในเขตบางขุนเทียน 27 ราย เขตหนองแขม 7 ราย เขตบางแค 5 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อยู่พื้นที่รอยต่อกับสมุทรสาคร กระจายตัวเป็นกลุ่มในชุมชน ร้อยละ 61.4 มีอาการเพียงเล็กน้อย กลุ่มที่ 2 โรงงานผลิตรองเท้าแห่งหนึ่งย่านพระราม 2 เขตบางขุนเทียน ตรวจคัดกรองไปกว่า 400 ราย พบผู้ติดเชื้อ 7 ราย เป็นชาวไทย 1 ราย และชาวเมียนมา 6 ราย ทั้งหมดเป็นพนักงานรายวันในสายการผลิตเดียวกัน ซึ่งผู้ติดเชื้อรายแรกคือชายชาวเมียนมา เริ่มป่วยวันที่ 17 ธันวาคม 2563 โดยตรวจพบเชื้อปนเปื้อนอยู่ในพื้นผิวก๊อกน้ำ อ่างน้ำ ปัจจัยเสี่ยงในการแพร่โรคเกิดจากการปฏิบัติงานในสายการผลิตเดียวกันและการใช้ห้องน้ำร่วมกัน และกลุ่มที่ 3 เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง ได้รับรายงานพบผู้ติดเชื้อแล้ว 22 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายแรกของกลุ่มเป็นนักเที่ยวจาก จ.นนทบุรี ที่ได้รายงานมาแล้วก่อนหน้านี้ เกี่ยวข้องกับร้านอาหาร 3 ร้าน ได้แก่ ร้านอาหารอีสานกรองแก้ว ย่านปิ่นเกล้า ร้านแซ่บอีสานคาราโอเกะ ย่านเทเวศร์ และร้านน้องใหม่พลาซ่า ย่านปิ่นเกล้า ซึ่งพบรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง
“กระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานคร ขอความร่วมมือนักเที่ยวทุกท่านที่ได้เข้าไปใน 3 ร้านดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 20 ธันวาคม 2563 ให้สังเกตอาการตนเองและพักอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วันหากมีอาการสงสัยว่าป่วย ไข้ ไอ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่นไม่ได้รับรส ให้สวมหน้ากากอนามัย ใช้รถส่วนตัว และไปรับการตรวจได้ที่สถานพยาบาลทุกแห่ง พร้อมแจ้งความเสี่ยงให้กับเจ้าหน้าที่ทราบ” นพ.วิชาญ กล่าว