ปชช. ทั่วสารทิศลงนามถวายพระพร ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2564
พสกนิกร พร้อมใจเดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพร ปลื้มปีติรับพระราชทานปฏิทินหลวงเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2564 ณ พระบรมมหาราชวัง
ตามที่สำนักพระราชวังประชาสัมพันธ์ข้อความว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานปฏิทินหลวง พุทธศักราช 2564 แก่ผู้ที่มาลงนามถวายพระพร เนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2564 ในวันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 นั้น
วันนี้ (1 ม.ค.64) สำนักพระราชวังจัดเตรียมสถานที่สำหรับลงนามถวายพระพร ณ พระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 07.30 - 17.00 น.
ตามสถานที่ต่างๆ โดยเชื้อพระวงศ์ ราชสกุล องคมนตรี ลงพระนามและลงนามถวายพระพร ในสมุดลงนามหลวงที่อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ด้านทิศตะวันตก ตรงข้ามพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
ส่วนนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ข้าราชการระดับสูง นักการเมือง ตลอดจนคณะทูตานุทูต ลงนามถวายพระพร ณ อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ด้านทิศตะวันออก
ข้าราชการ ผู้แทนหน่วยงาน มูลนิธิ องค์ต่างๆ ลงนามถวายพระพรที่ศาลาสหทัยสมาคม
ในขณะที่บริเวณสนามหญ้าข้างกองแพทย์หลวง เป็นจุดลงนามถวายพระพรของประชาชน ซึ่งทุกคนจะต้องผ่านจุดคัดกรองที่สนามหลวง วัดอุณหภูมิร่างกาย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัยตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ก่อนเดินเท้าต่อมายังจุดลงทะเบียนไทยชนะ ใกล้ประตูวิเศษไชยศรี เข้าพระบรมมหาราชวัง
ด้าน เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง นำน้ำดื่มพระราชทานมาแจกแก่ประชาชน กองแพทย์หลวงจัดเตรียมยาและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เมื่อทุกคนลงนามถวายพระพรแล้ว จะได้รับปฏิทินหลวงพระราชทานที่เจ้าหน้าที่เชิญไว้ในพานสีทองเพื่อความเป็นสิริมงคล
นายเดชมนู คงสวัสดิ์ นักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา เดินทางมากับครอบครัว กล่าวว่า ตนเป็นคนชักชวนพ่อแม่และน้องสาวมาทำกิจกรรมร่วมกันในวันขึ้นปีใหม่ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี เห็นความสำคัญของปฏิทินหลวงที่ได้รับพระราชทานในวันนี้ ว่ามีประโยชน์แก่คนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก เพราะตนสนใจเนื้อหาที่อยู่ด้านในปฏิทินดังกล่าว ไม่ว่าจะการศึกษาเกี่ยวกับกาลโยค การนับปีและศักราชทางจันทรคตินิยมอย่างไทย ซึ่งในวันนี้ ตรงกับปีฉลู โทศก จะเข้าสู่ปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1383 ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2564 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ยังมีวันสำคัญทุกศาสนา วันสำคัญของไทยและต่างประเทศที่มีความเกี่ยวเนื่องกับความสำคัญระหว่างประเทศและอื่นๆ สิ่งที่ศึกษานี้เพื่อสืบสานสิ่งดีงาม เอกลักษณ์ของชาติให้คงอยู่ สืบไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นอีกจุดหนึ่งที่ประชาชนเข้ามากราบสักการะพระแก้วมรกต สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านเมือง เป็นจำนวนมาก อีกทั้งเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังแจกดอกไม้ ธูปไร้ควันและเทียนพระราชทาน เชิญพระแก้วมรกตจำลองในเครื่องทรงประจำฤดูร้อน ฤดูฝนและฤดูหนาว 5 องค์ ไว้ที่หน้าพระอุโบสถเพื่อให้พุทธศาสนิกชนกราบขอพรที่บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถอีกด้วย
