ธุรกิจโรงแรม 'วิกฤติซ้ำ!!' ฉุดยอดเข้าพักวนกลับ‘จุดต่ำสุด’
หลังโควิด-19 ระบาดรอบใหม่เมื่อปลายเดือน ธ.ค.2563 และลุกลามจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะกรณีสมุทรสาครและระยอง สั่นคลอนภาคธุรกิจโรงแรมทุกภูมิภาค
ทั้งที่อยู่ระหว่างเก็บเกี่ยวเงินสดจากกระแสการเข้าพักของตลาด “ไทยเที่ยวไทย” ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นแท้ๆ แต่กลับต้องหยุดนิ่งอีกครั้ง และประเมินค่อนข้างยากว่ายืดเยื้อไปอีกนานแค่ไหน
พิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก ฉายภาพว่า การแพร่ระบาดรอบใหม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมในภาคตะวันออกอย่างมาก ทำให้ทางจังหวัดจันทบุรีมีคำสั่งปิดโรงแรมทุกประเภทซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด มีผลตั้งแต่วันที่ 4-31 ม.ค.2564 ส่วนจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ อาทิ ชลบุรี ระยอง และตราด แม้ทางรัฐยังไม่มีคำสั่งปิดโรงแรมชั่วคราว แต่สถานการณ์ท่องเที่ยวขณะนี้ย่ำแย่มาก เพราะไม่มีการเดินทางของตลาดคนไทย เนื่องจากส่วนใหญ่ต้องอยู่บ้านเพื่อหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อ
“อัตราเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมในภาคตะวันออกจึงลดฮวบเหลือไม่ถึง 5% ใกล้แตะศูนย์เต็มที เหมือนวนลูปกลับไปยังจุดต่ำสุดเมื่อเดือน เม.ย.2563 อีกรอบ ขณะที่ยอดจองห้องพักล่วงหน้าในเดือน ก.พ.2564 แทบไม่เห็นเลย”
การแพร่ระบาดรอบใหม่นี้ยังส่งผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวและโรงแรมหนักกว่าการระบาดรอบแรก เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงกว่ามาก ประเมินว่าผลกระทบต่อตลาดไทยเที่ยวไทยจะลากยาวนาน 6 เดือนกว่าจะเริ่มกลับมาดีขึ้น นี่ถือเป็น Best Case ที่คาดว่าจะฟื้นตัวเร็วที่สุดแล้ว และกว่าจะกลับมาดีเป็นปกติเหมือนเดิมก็ช่วงปลายปีนี้ซึ่งเข้าฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นหน้าเลย
ถ้าเป็นไปได้อยากเห็นการควบคุมโรคจบภายใน 2-3 เดือนนับจากนี้ เพื่อให้ตลาดไทยเที่ยวไทยออกเดินทางทันเทศกาลสงกรานต์ พูดง่ายๆ คือ “ยอมเจ็บ” แต่ต้อง “คุมให้อยู่” แล้วค่อยกลับมา “สร้างความเชื่อมั่น” กันอีกครั้ง!
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการโรงแรมในภาคตะวันออกบางส่วนต้องกลับมาปิดกิจการชั่วคราวอีกครั้ง เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าพัก แต่บางแห่งยังคงเปิดให้บริการอยู่ และรอติดตามคำสั่งของรัฐว่าจะมีการสั่งปิดโรงแรมชั่วคราวหรือไม่ โดยเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางตัวแทนภาคธุรกิจท่องเที่ยวเมืองพัทยาได้ยื่นหนังสือถึงทางจังหวัดชลบุรีให้พิจารณาออกคำสั่งปิดโรงแรมใน จ.ชลบุรี เป็นการชั่วคราว เพื่อสกัดการแพร่ระบาด และทางสำนักงานประกันสังคมจะได้จ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่พนักงานโรงแรมจากเหตุสุดวิสัยครั้งนี้
วสันต์ กิตติกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก กล่าวเสริมว่า สถานการณ์การเข้าพักโรงแรมแถบ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชะอำ และหัวหินค่อนข้างนิ่ง ผู้ประกอบการเหนื่อยมากในการทำตลาด อาศัยลูกค้ากลุ่มครอบครัวที่เดินทางกันเป็นกลุ่มเล็กๆ เข้าพักในช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้โรงแรมส่วนใหญ่มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยในช่วงดังกล่าวเพียง 10% ส่วนอัตราเข้าพักในวันธรรมดาแทบจะเป็นศูนย์
ด้าน ศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล อุปนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ บอกว่า เดิมโรงแรมใน จ.ภูเก็ต บางแห่งมีแผนจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง (Reopen) ในเดือน ม.ค.2564 แต่จำเป็นต้องชะลอแผนออกไปก่อนเป็นเดือน เม.ย.นี้แทน ฟากโรงแรมบางส่วนที่เปิดให้บริการอยู่ กำลังจะกลับไปปิดให้บริการอีกครั้ง (Reclose) เพราะไม่มีแขกเข้าพัก อัตราเข้าพักเฉลี่ยเหลือไม่ถึง 5% และคาดว่าจะกลับมาเปิดอีกราวเดือน เม.ย.นี้เช่นกัน
“มองว่าโควิดระบาดรอบใหม่ในประเทศทำให้ภาคท่องเที่ยวไทยตลอดปี 2564 แย่กว่าตลอดปี 2563 เสียอีก โดยตลาดต่างชาติเที่ยวไทยปีนี้มีแนวโน้มจะเป็นศูนย์ด้วยซ้ำ แม้จะมีข่าวดีเรื่องวัคซีน แต่ก็ยังต้องติดตามว่าแนวโน้มการเดินทางจะกลับมาทันไตรมาส 4 ของปีนี้ได้อย่างที่หวังกันหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องยากมากและคาดการณ์ล่วงหน้าได้ลำบาก ขณะที่ปี 2563 ยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตุนสะสมในไตรมาส 1 ทำให้ทั้งปีที่แล้วน่าจะปิดที่ 6.7 ล้านคน”