กลุ่มเซ็นทรัลผุดโมเดลหนุนร้านค้าประคองธุรกิจ

โจทย์ใหญ่ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คือ ความมั่นใจในความปลอดภัย! สร้างทั้ง “โอกาส” และ “อุปสรรค” ต่อบรรดาห้างร้านค้าปลีก ศูนย์การค้า ที่ต้องยกระดับมาตรการสุขอนามัยและความปลอดภัย! สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าในการมาใช้บริการซึ่งจะมีผลต่อเนื่องกิจการของร้านค้า ร้านอาหาร ต่างๆ  ซึ่งเผชิญภาวะตลาดซบเซาจากกำลังซื้อชะลอตัวหนัก ขณะเดียวกันต้องปรับแนวทางธุรกิจให้สอดรับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด อาทิ ปิดบริการเร็วขึ้น ส่งผลเวลาจำหน่ายสั้นลง แน่นอนว่ารายได้หายไป! 

พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า ภายใต้การระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด-19 กลุ่มเซ็นทรัลและธุรกิจในเครือ ประกอบด้วยบริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นเทล และ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ซีอาร์ซี  มุ่งเดินหน้าฝ่าวิกฤติครั้งนี้ ด้วยการยกระดับมาตรการเชิงรุกในด้านสุขอนามัย ความปลอดภัย เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส เรียกว่า ตั้งการ์ดให้สูงกว่าเดิม เพื่อสร้างความไว้วางใจในการใช้บริการของลูกค้า ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ทั้งช้อปปิ้ง เอนเตอร์เทนเมนท์ ไดน์นิ่ง และการพักผ่อน

“หลังได้รับวัคซีนโควิด-19 ภายในปี 2564-2565 หรือสถานการณ์การระบาดค่อยๆ คลี่คลาย พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนจะเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุค Next Normal อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้น การให้ความสำคัญกับสุขภาพ และอื่นๆ ซึ่งเราได้เตรียมพร้อมเพื่อรองรับและก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลา”

ทั้งนี้ "เซ็นทรัลพัฒนา" นับเป็นผู้ริเริ่มแผนแม่บท "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” ให้ศูนย์การค้าทั้ง 33 แห่งทั่วประเทศ โดยได้รับมอบตราสัญลักษณ์ SHA ตอกย้ำมาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัย ได้ดำเนินแผนแม่บทตามมาตรการ 5 แกนหลัก คัดกรองเข้มงวด, Social Distancing ทุกจุด งดความแออัด, ติดตามมั่นใจเพื่อความปลอดภัย, ใส่ใจความสะอาดทุกจุดในเชิงรุก, ลดการสัมผัส รวมทั้งส่งเสริมการใช้สังคมไร้เงินสด 

สำหรับ “เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป” จัดแผน 3C ด้วยมาตรการคุมเข้มที่ร้านอาหารในเครือซีอาร์จีทุกสาขาทั่วประเทศ ได้แก่ "Cleanliness Procedure-Consideration of Social Distancing Measures-Contactless Service" ขณะที่ โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราทุกแห่ง ยึดโปรแกรม เซ็นทารา คอมพลีท แคร์ โดยร่วมกับ อีโคแล็บ บริษัทระดับโลกด้านเทคโนโลยีความสะอาดและสุขอนามัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่แขกผู้เข้าพักและผู้มาเยือน

ส่วน “เซ็นทรัล รีเทล” สร้างธุรกิจแนวใหม่ “ควิก คอมเมิร์ซ” เพื่อส่งสินค้าที่ลูกค้าสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ เช่น ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท บีทูเอส เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท ฯลฯ ถึงบ้าน เพื่อลดการเดินทางนอกบ้าน บริการทางเลือกสำหรับการซื้อสินค้าที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ประกอบด้วย Shop Via Facebook, Chat and Shop, Click and Collect, Call and Shop, Shop and Drive Thru, Shop online, Mobile App และ Call center มีการใช้หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวีซี ในท็อปส์ และ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ โดยเฉพาะในสาขาที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง และการใช้จ่ายผ่านดอลฟิน วอลเล็ท ลดการสัมผัสเงินสด

ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้เป็นช่วงเวลาของการผนึกกำลังร่วมใจให้ผ่านพ้นวิกฤติต่างๆ ไปด้วยกัน 

"มั่นใจว่าที่ผ่านมาคนไทยเคยทำได้มาแล้ว ครั้งนี้เราจะทำได้อีกครั้ง โดยเซ็นทรัลพัฒนาพร้อมช่วยเหลือพันธมิตรร้านค้าซึ่งต้องการมากที่สุดเวลานี้คือ การช่วยเหลือประคองธุรกิจไปด้วยกัน และกระตุ้นยอดขายให้ได้มากที่สุด เราจึงทำทุกวิถีทางอย่างรวดเร็ว"

 เซ็นทรัลพัฒนา ได้นำร่องเปิดพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 18 สาขาในเฟสแรก อาทิ เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ ปิ่นเกล้า ชลบุรี บางนา ภูเก็ต เซ็นทรัลเวิลด์  ในการตั้งเคาน์เตอร์ให้บริการดีลิเวอรี (Delivery) และเทคอะเวย์ (Take Away) โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อขยายช่องทางและกระตุ้นการขาย ให้ร้านอาหารที่เข้าร่วมกว่า 300 ร้านค้าในเฟสแรก พร้อมสนับสนุนการทำการตลาด เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าได้มากที่สุด  เป็นการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าสามารถทานที่ร้านได้ตามปกติ โดยมี social distancing อย่างเคร่งครัด และมั่นใจได้ด้วยมาตรการขั้นสูงสุด หรือซื้อกลับบ้านได้สะดวก ปลอดภัย

ทั้งนี้แผนแม่บท “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” ได้ออกแบบสอดรับการใช้ชีวิตของผู้คน (Journey) อย่างละเอียดและรอบคอบ สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกสถานการณ์! 

เพื่อยังคงรักษาบรรยากาศ Festive ไปพร้อมๆ กับความสะอาดปลอดภัย ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และ ศบค.