เตือนปชช.ภาคใต้ ระวังป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก หลังน้ำลด
กรมควบคุมโรค ห่วงสุขภาพประชาชนในภาคใต้ หลังน้ำลดให้ระวังป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก แนะยึดหลัก “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค”
วันนี้ (14 มกราคม 2564) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้พื้นที่ภาคใต้ น้ำเริ่มลดลงใกล้เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว และเมื่อน้ำลดจะมีน้ำขังอยู่ตามเศษภาชนะต่างๆ เช่น กล่องโฟม แก้ว ถุงพลาสติก ยางรถยนต์เก่า ถ้วยหรือกะลารองน้ำยางดิบ ประกอบกับในช่วงนี้มีการระบาดของโรคโควิด 19 ประชาชนบางส่วนทำงานอยู่บ้าน กรมควบคุมโรค จึงขอให้ถือโอกาสนี้ทำ Big Cleaning เก็บกวาดทำลายเศษขยะภาชนะเหล่านี้ให้เกลี้ยง เพื่อไม่ให้ยุงลายใช้เป็นที่วางไข่เพาะพันธุ์ลูกน้ำให้เติบโต ซึ่งเป็นพาหะนำเชื้อโรคติดต่อนำโดยยุงลายได้
โดยสถานการณ์ของโรคไข้เลือดออกตั้งแต่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2563 พบผู้ป่วย 71,293 ราย เสียชีวิต 51 ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด ได้แก่ 5-14 ปี (ร้อยละ 35.9) รองลงมา คือ 15-24 ปี (ร้อยละ 25.9) และ 25-34 ปี (ร้อยละ 14.1) ตามลำดับ ในช่วง 4 สัปดาห์หลังสุดจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ นครสวรรค์ ชลบุรี กรุงเทพฯ แม่ฮ่องสอน และนครปฐม ตามลำดับ ส่วนจังหวัดทางภาคใต้ที่มีรายงานผู้ป่วยสูง 5 อันดับแรกคือ พังงา สงขลา ยะลา ตรัง และนราธิวาส ตามลำดับ
นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการป้องกันโรคติดต่อนำโดยยุงลายนั้น ขอให้ประชาชนสำรวจพื้นที่ที่มีน้ำขัง และร่วมกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณรอบๆ ตัวบ้านและในชุมชน โดยแนะให้ประชาชนเก็บบ้าน เก็บขยะ เก็บน้ำ ตามมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” ดังนี้ 1.เก็บบ้านให้สะอาด เช่น พับเก็บเสื้อผ้าใส่ในตู้หรือแขวนให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง 2.เก็บขยะที่อยู่บริเวณรอบบ้าน เก็บภาชนะใส่อาหารหรือน้ำดื่มที่ทิ้งไว้ใส่ถุงดำ และนำไปทิ้งลงถังขยะ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และ 3.เก็บน้ำ ภาชนะที่ใส่น้ำเพื่ออุปโภคบริโภค ต้องปิดฝาให้มิดชิด ล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำ และเปลี่ยนน้ำในกระถางหรือแจกันทุกสัปดาห์ ป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ ซึ่งสามารถป้องกันได้ 3 โรค คือ 1.โรคไข้เลือดออก 2.โรคติดเชื้อไวรัสซิกา 3.โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา
ทั้งนี้ หากประชาชนมีอาการป่วย เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ เบื่ออาหาร ปวดท้อง ซึ่งอาจมีลักษณะคล้ายกันหลายโรค ทั้งโรคไข้หวัดใหญ่ โรคไข้เลือดออก และโรคโควิด 19 จึงขอให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัย รับประทานยาลดไข้ 1-2 วัน โดยให้เลือกรับประทานยาแก้ไข้พาราเซตามอล หลีกเลี่ยงการทานยากลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ยาไอบูโพรเฟน แอสไพริน เพราะถ้าเป็นไข้จากโรคไข้เลือดออกยากลุ่มนี้จะส่งผลทำให้การรักษายุ่งยากและเสี่ยงต่อการทำให้มีอาการหนักมากยิ่งขึ้น หากทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์หรือสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อรับ การวินิจฉัยโรคหาสาเหตุว่าเกิดจากโรคอะไรและรับการรักษาต่อไป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร. 1422