BBLกำไรทรุด เหลือ 1.7หมื่นล้าน ลดลง 52% หลังค่าใช้จ่ายพุ่ง จากการควบรวม แบงก์เพอร์มาตา

BBLกำไรทรุด เหลือ 1.7หมื่นล้าน ลดลง 52% หลังค่าใช้จ่ายพุ่ง จากการควบรวม แบงก์เพอร์มาตา

ธนาคารกรุงเทพ แจ้งกำไรปี 63 อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท ลดลง 52% จากปีก่อนหน้า หลังรายได้ค่าธรรมเนียมวูบ แถมภาระตั้งสำรองพุ่ง 3.1 หมื่นล้านบาท

     ธนาคารกรุงเทพ แจ้งกำไรสุทธิ 2563 อยู่ที่ 17,181 ล้านบาท ลดลง 52% หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยธนาคารได้ตั้งสำรองเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่จะเกิดขึ้นปีนี้ ที่ 31,196ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิต ต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ 181.6 %

.   ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมตามหลักความระมัดระวัง ต่อเนื่องเพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
     ทั้งนี้  ในปี 2563 ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 จากปี 2562 มาอยู่ที่ 77,047 ล้านบาท เป็นผลจากการรวมรายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารเพอร์มาตา

    โดยมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ร้อยละ 2.25 ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิและรายได้จากการดำเนินงานอื่นลดลง สาเหตุหลักจากค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อและรายได้จากเงินลงทุน จากการนำมาตรฐานกลุ่มเครื่องมือทางการเงินฉบับใหม่ (ฉบับที่ 9) มาถือปฏิบัติกับงบการเงินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563

     สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.0 หลัก ๆ จากการรวมค่าใช้จ่ายของธนาคารเพอร์มาตา และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการควบรวมสาขาในประเทศอินโดนีเซียเข้ากับธนาคารเพอร์มาตาในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 55.6
     ทั้งนี้ท่ามกลาง ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจที่หดตัวทั่วโลกจากผลกระทบของโควิด-19 ธนาคารกรุงเทพยังคงยึดมั่นแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ ควบคู่กับการดำรงฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินที่ยั่งยืน และเตรียมพร้อมรองรับการดำเนินธุรกิจตามบริบทใหม่ (New Normal)

    ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,363,338 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 จากสิ้นปี 2562 หากไม่รวมธนาคารเพอร์มาตา เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7

    ส่วนใหญ่จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 3.9 โดยธนาคารยังคงให้ความสำคัญในการดูแลกระบวนการอำนวยสินเชื่อและบริหารความเสี่ยง ควบคู่กับการดำรงค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
    ด้านเงินกองทุนและสภาพคล่อง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ธนาคารมีเงินรับฝากจำนวน 2,810,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.6 จากสิ้นปี 2562 หากไม่รวมธนาคารเพอร์มาตา เงินรับฝากเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 ส่วนใหญ่จาก
เงินรับฝากออมทรัพย์

    สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 84.1 สะท้อนถึงสภาพคล่องที่เพียงพอในการรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ในวันที่ 23 กันยายน 2563 ธนาคารออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารภายใต้หลักเกณฑ์ Basel III จำนวน 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เพื่อเสริมสร้างโครงสร้างเงินกองทุนของธนาคารให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

    โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็น
ส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ร้อยละ 18.3 ร้อยละ 15.7 และร้อยละ 14.9 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดการนำมาตรฐานกลุ่มเครื่องมือทางการเงินฉบับใหม่มาถือปฏิบัติ