“เอซีอี”เปิดโรงไฟฟ้าขยะ ปักหลักจ.“กระบี่”
“เทคโนโลยีการกำจัดขยะ”ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าและทันสมัยมาจนถึงขั้นที่ไม่เพียงไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังแก้ปัญหาขยะตกค้างได้อีก นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนที่ต่ำกว่าเฉลี่ยที่346 บาทต่อตัน และประหยัดกว่าการฝังกลบแบบเดิมที่มีต้นทุนที่ 470 บาทต่อตัน
และประหยัดกว่าการฝังกลบแบบเดิมที่มีต้นทุนที่ 470 บาทต่อตัน เทคโนโลยีที่ว่านี้มีความน่าสนใจและกำลังนำมาปฎิบัติได้จริงที่จังหวัดกระบี่
ธีรวุฒิ ทรงเมตตา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเทคโนโลยีและนวัตกรรม บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ เอซีอี เปิดเผยภายหลังการเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน จ.กระบี่ ว่า โรงไฟฟ้าขยะชุมชน จ.กระบี แห่งนี้ เป็นโรงไฟฟ้าขยะชุมชนแห่งที่ 2 ของ เอซีอี หลังจากที่ได้เปิดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าขยะชุมชน จ. ของแก่น ในปี 2559 โดยโรงไฟฟ้าขยะชุมชนทั้ง 2 แห่งนี้ เป็นระบบปิดที่ไม่มีกลิ่นออกนอกโรงไฟฟ้า 100% และมีระบบกรองอากาศเข้มข้นถึง 5 ระบบ ป้องกันสิ่งแวดล้อมในระดับสูงสุด
โดยโรงไฟฟ้าขยะแห่งนี้ใช้เงินลงทุนประมาณ 900 ล้านบาท กำจัดขยะได้ถึง 450 ตันต่อวัน มีกำลังผลิตไฟฟ้า 6 เมกะวัตต์ ส่งขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 4.5 เมกะวัตต์ มีรายได้จากการขายไฟฟ้า 220 ล้านบาทต่อปี คาดว่าจะใช้เวลาคืนทุนประมาณ 7-9 ปี
“โรงไฟฟ้าขยะแห่งนี้จะไม่ปล่อยของเสียใดๆ ออกสู่ธรรมชาติ แม้กระทั่งน้ำขยะก็ยังสามารถบำบัดให้เป็นน้ำใสและนำกลับมาใช้ประโยชน์ภายในโรงไฟฟ้าทั้งหมด นอกจากนี้ระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศของโรงไฟฟ้ายังเชื่อมสัญญาณตรงไปยังกรมโรงงานอุตสาหกรรม สามารถมอนิเตอร์ได้แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง มีความปลอดภัยต่อชุมชนรอบข้างสูง และใช้ความร้อนในการเผาถึง 1 พันอาศาเซลเซียส ทำให้เผาไหม้ได้หมดจดไม่เหลือสิ่งตกค้าง”
ทั้งนี้ จากเทคโนโลยีการเผาขยะที่มีความชื้นสูงได้ ทำให้สามารถเผาขยะได้ทุกประเภทในโลก จึงเหมาะสมในการขยายไปยังเทศบาลต่าง ๆ และในต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้เข้าไปเจรจาลงทุนร่วมกับเทศบาล 5-6 แห่ง สามารถผลิตไฟฟ้าจากขยะได้สุดสุดถึง 9.9 เมกะวัตต์ รวมทั้งยังมีอีกหลายประเทศที่อยู่ในเอเชีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สนใจให้ เอซีอี เข้าไปลงทุน เพราะขยะในภูมิภาคเหล่านี้เหมือนกับของไทยที่ไม่มีการคัดแยกขยะและมีความชื้นสูง ซึ่งเทคโนโลยีของเราตอบโจทย์เหล่านี้ได้ดีที่สุด ทำให้มีศักยภาพสูงกว่าคู่แข่งประเทศอื่น ๆ
ในปัจจุบัน กลุ่มบริษัทเอซีอี มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 19 โรง เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล 12 โรง โรงไฟฟ้าขยะชุมชน 2 โรง โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 1 โรง และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา 4 โรง มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 245.91 เมกะวัตต์ และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 17 โครงการ กำลังผลิต 203.66 เมกะวัตต์ รวมเป็นกำลังการผลิตติดตั้ง 449.57 เมกะวัตต์ โดยได้ตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งให้ได้มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567
กีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ กล่าวว่า โรงไฟฟ้าขยะชุมชน จ. กระบี่ เอซีอี เป็นผู้บริหารจัดการภายใต้อายุสัญญา 25 ปี มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อบริหารกำจัดขยะทดแทนการฝังกลบในบ่อขยะแบบเดิมซึ่งเปิดใช้มากว่า 20 ปีส่งผลให้ขยะตกค้างรอกำจัดจำนวนมาก และเมื่อรวมกับขยะใหม่แต่ละวันไม่น้อยกว่า 200 ตัน หากปล่อยไว้นานยิ่งกระทบต่อปัญหาเรื่องพื้นที่ฝังกลบมีไม่เพียงพอและส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยของประชาชน นักท่องเที่ยว รวมถึงทำลายภูมิทัศน์อันสวยงามของจังหวัดกระบี่
ทั้งนี้ เหตุผลที่เลือกกลุ่ม เอซีอี เป็นผู้ดำเนินโครงการเพราะมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญอย่างมืออาชีพทั้งทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยและทางด้านการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าขยะจนเป็นที่ยอมรับของชุมชน ประกอบกับนวัตกรรมที่นำมาใช้ก็เป็นการกำจัดขยะที่ถูกวิธีแบบเบ็ดเสร็จสามารถเผาขยะทุกชนิดได้พร้อมๆ กัน เช่น กระดาษ พลาสติก ยาง ผ้า เศษอาหารจากขยะเก่าและขยะใหม่ของเทศบาลเมืองกระบี่ รองรับการนำขยะมากำจัดได้สูงสุดวันละ 450 ตัน ซึ่งมาจากเทศบาลในพื้นที่กระบี่ 14 แห่ง อบต.48 แห่ง รวมกับขยะเก่าที่ฝังกลบในศูนย์ฯ แห่งนี้ คาดว่าจะทะยอยนำขยะเก่าขึ้นมากำจัดได้หมดภายใน 10 ปี