“ไซต์มายเดอร์” เผยสุดยอด 12 แพลตฟอร์มจองโรงแรมสร้างรายได้สูงสุดปี 2563
“ไซต์มายเดอร์” เผยสุดยอด 12 แพลตฟอร์มจองโรงแรมสร้างรายได้สูงสุดปี 2563 หลังเทรนด์การจองที่พักปรับตัวจากวิกฤติโควิด-19 “Booking.com” ซิวแชมป์ ด้านการจองตรงผ่านเว็บไซต์โรงแรมไต่ขึ้นมาคว้าอันดับ 3 ได้อานิสงส์จองห้องพักโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ช่วยหนุน
นายแบรด ไฮนส์ รองประธานกรรมการบริษัท SiteMinder (ไซต์มายเดอร์) ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ซึ่งเป็นผู้นำแพลตฟอร์มตัวกลางระดับโลกในการเข้าถึงลูกค้าให้กับธุรกิจโรงแรม เปิดเผยว่า สุดยอด 12 แพลตฟอร์มจองโรงแรมในประเทศไทยประจำปี 2563 เมื่อประเมินจากรายได้รวมที่สร้างให้กับลูกค้าธุรกิจโรงแรมของ SiteMinder พบว่าอันดับ 1 คือ Booking.com รองลงมาอันดับ 2 คือ Agoda ตามมาด้วยเว็บไซต์โรงแรม (การจองตรง) ซึ่งไต่ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 จาก 4 ในปีก่อนหน้า โดยส่วนหนึ่งได้อานิสงส์การจองตรงของนักท่องเที่ยวไทยผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ส่วนอันดับ 4 คือ Expedia Group อันดับ 5 Hotelbeds ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มขายห้องพักแบบโฮลเซลหรือธุรกิจถึงธุรกิจ (B2B) ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อันดับ 6-12 คือ Trip.com, Traveloka หนึ่งในแพลตฟอร์มจองที่พักระดับท้องถิ่นและภูมิภาคที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นในปี 2563, Goibibo & MakeMyTrip, Fusion Holidays, ช่องทางการจำหน่ายที่พักออนไลน์, WebBeds - Destinations of the World และ Mr & Mrs Smith ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจองที่พักใหม่ ช่วยส่งเสริมรัฐบาลไทยด้วยการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงและสามารถอยู่พักผ่อนเป็นระยะเวลานานมากกว่า 1 เดือน
และเมื่อเจาะเฉพาะการจัดอันดับหลังเกิดการปรับตัวด้านการจองที่พักในช่วง 9 เดือนหลังของปี 2563 หรือตั้งแต่เดือน เม.ย.-ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่าอันดับ 1 คือ Agoda รองลงมาคือ Booking.com, เว็บไซต์โรงแรม (การจองตรง), Expedia Group, Hotelbeds, Traveloka, Trip.com, ช่องทางการจำหน่ายที่พักออนไลน์, Mr & Mrs Smith, WebBeds - Destinations of the World, WebBeds – Sunhotels และ Beds4Travel
“หลังจากได้เผชิญกับการปรับตัวด้านการจองที่พักในประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยลดลง ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นระดับภูมิภาคอย่าง Traveloka ผันตัวขึ้นมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญในตลาด”
นอกจากนี้ยังได้เห็นรายชื่อแพลตฟอร์มการจองที่พักใหม่ปรากฏอยู่ใน 12 อันดับช่องทางจองที่พักที่สร้างรายได้สูงสุดอย่าง Mr & Mrs Smith ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มองหาโรงแรมแนวบูทีคและลักซูรี่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จจากความพยายามของประเทศไทยในการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงและสามารถพักระยะยาวนานกว่า 1 เดือนขึ้นไปได้ และเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผู้ประกอบการจำเป็นต้องประเมินแนวทางและช่องทางในการขายห้องพัก รวมถึงใช้ประโยชน์จากช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งระดับนานาชาติและท้องถิ่น ช่องทางจองห้องพักทางตรงและทางอ้อม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสำรองที่พักและการสร้างรายได้
นายแบรด กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดอันดับประจำปีนี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่ยั่งยืนของช่องทางการจองตรงผ่านเว็บไซต์โรงแรมซึ่งยังสามารถคงระดับอยู่ใน 5 อันดับแรกของช่องทางการจองจากทั่วโลกไว้ได้ตลอดทั้งปี 2563 รวมถึงยังอยู่ในอันดับ 3 ของช่องทางการจองที่สร้างรายได้สูงสุดให้กับโรงแรมในประเทศไทยอีกด้วย
“ช่องทางการจองตรงผ่านเว็บไซต์โรงแรมไต่อันดับสูงขึ้นในกว่า 1 ใน 3 ของประเทศต่างๆ นับตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แม้ในช่วงเวลาดังกล่าวอัตราการจองโรงแรมจะลดลงต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562 ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19”