'ชาวคะฉิ่น' ประณาม 'รัฐประหาร'ในเมียนมา
'ชาวคะฉิ่น' จ.เชียงใหม่ อ่านแถลงการณ์ประณามความรุนแรงในเมียนมา เรียกร้อง 4 ข้อ ยุติทำรัฐประหาร -คืนอำนาจให้ประชาชน -ถอนทหาร ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 51 และเปิดการเจรจาทางการเมืองกับกลุ่มชาติพันธุ์
13 ก.พ. 2564 บริเวณ ถนนมณีนพรัตน์ ซอย3 ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ใกล้กับ สถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ณ จังหวัดเชียงใหม่ ชาวคะฉิ่นในจังหวัดเชียงใหม่จำนวนมาก ได้รวมตัวกัน เพื่ออ่านแถลงการณ์ ของชาวคะฉิ่นในประเทศไทยเกี่ยวกับการรัฐประหารของกองทัพเมียนมา
โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก ประมาณ 30 นาย นำโดย พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก เข้ามาอำนวยการจัดกิจกรรมของชาวคะฉิ่นในครั้งนี้ โดยได้นำกรวยจราจรมาปิดกั้นบริเวณปากซอย 3 ถนนมณีนพรัตน์ ห้ามรถทุกชนิดผ่านเข้าออก ถัดมาประมาณ 10 เมตร นำรั้วเหล็กมากั้นเพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เข้ามาอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่กำหนดไว้ โดยกำหนดให้ยืนแบบเว้นระยะห่าง ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้ง
หลังแนวรั้วเหล็ก มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรถขยายเสียงเพื่อใช้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ร่วมกิจกรรมปฏิบัติตามการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 พร้อมทั้งมีรั้วเหล็กกั้นไว้อีกชั้นหนึ่ง เพื่อไม่ให้ผู้ชุมชนผ่านเข้าไปบริเวณหน้า สถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยจุดนี้อนุญาตให้เฉพาะตัวแทนที่อ่านแถลงการณ์เข้าไปยืนอ่านแถลงการณ์เท่านั้น
นายอนุชาติ ลาภา ตัวแทนชนเผ่าคะฉิ่นในประเทศไทย เป็นตัวแทนในการอ่านแถลงการณ์ ในความว่า แถลงการณ์ของชาวคะฉิ่นในประเทศไทย เกี่ยวกับการรัฐประหารของกองทัพเมียนมา วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564 พวกเราชาวคะฉิ่นในประเทศไทยของประณามอย่างรุนแรงในการปฏิวัติรัฐประการของกองทัพพม่า ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 โดยการอ้างความรับผิดชอบต่อการทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งนำไปสู่การกดขี่ถึงกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ รวมทั้งพี่น้องชาวคะฉิ่นในประเทศเมียนมา
ผู้นำชนเผ่าและผู้นำกลุ่มชาติพันธ์ได้ลงนามในข้อตกลง Panglong ในปี พ.ศ.2490 และ พ.ศ.2491 พื้นที่ชาติพันธุ์ของเมียนมา ได้รับเอกราชจากอาณานิคมของอังกฤษด้วยกัน อย่างไรก็ตามเอกราช ดังกล่าว ได้ทำลายสิทธิของชนกลุ่มน้อยภายใต้การปกครองของเมียนมา เป็นผลทำให้กลุ่มชาติพันธ์ต่อสู้เพื่อสิทธิทางการเมืองของตนมากว่า 70 ปี มีการเจรจามากับทุกรัฐบาลเพื่อหาทางออกทางการเมือง แต่สิทธิทางการเมืองของกลุ่มชาติพันธ์หรือชนกลุ่มน้อยยังถูกเพิกเฉย
หากปัญหาทางการเมืองของกลุ่มชาติพันธ์ในเมียนมา ยังคงถูกเพิกเฉยต่อไป ชาวพม่าเอง จะไม่สามารถเติบโตในทุกด้านของชีวิตทางการเมืองและเศรษฐกิจและยังคงเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก
ดังนั้น ขอเรียกร้องต่อไปนี้ 1. กองทัพเมียนมา ยุติการทำรัฐประหารและคืนอำนาจให้กับประชาชนเมียนมา 2.ถอนทหารเมียนมา ทั้งหมดที่ประจำการอยู่ที่รัฐคะฉิ่นและพื้นที่ชาติพันธุ์ทันที 3.ให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2551 4.รัฐบาลของประชาชนควรจัดการเจรจาทางการเมืองกับกลุ่มชาติพันธ์ต่างๆ รับรองสิทธิและเสรีภาพตามที่ชาติพันธุ์ต่างๆ เรียกร้องเพื่อกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่ ชาวคะฉิ่นในประเทศไทย หลังจากอ่านแถลงการณ์เสร็จเรียบร้อยได้แยกย้ายกันเดินทางกลับ ซึ่งการทำกิจกรรมในครั้งนี้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย โดยใช้เวลาในการทำกิจกรรมประมาณ 30 นาทีเท่านั้น