พาณิชย์ เผย  ธุรกิจฟู้ดทรัคโตสวนกระแสโควิด-19

พาณิชย์ เผย  ธุรกิจฟู้ดทรัคโตสวนกระแสโควิด-19

พาณิชย์  เร่ง ผลักดัน ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าสู่ธุรกิจฟู้ดทรัค  เพิ่มโอกาสทางธุรกิจและเข้าถึงแหล่งเงินทุน หลังธุรกิจฟู้ดทรัคเติบโตสวนกระแสโควิด-19  ปริมาณรถฟู้ดทรัคเพิ่มขึ้นจาก 2,500 คัน เป็น 2,800 คัน ภายใน 1 ปี มูลค่าการตลาดแตะ 3 พันล้านบาท

นายวีรศักดิ์  หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งผลักดันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าสู่ธุรกิจฟู้ดทรัคมากขึ้น เป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เนื่องจากธุรกิจฟู้ดทรัคสามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจประเภทกิจการได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการฟู้ดทรัคที่ต้องการขยายธุรกิจหรือต้องการเงินลงทุนสามารถเข้าถึงแหล่งทุนจากสถาบันการเงินได้สะดวกและง่ายมากขึ้นขณะเดียวกัน ให้หารือกับผู้ประกอบการแฟรนไชส์ประเภทอาหารและเครื่องดื่มให้เข้าสู่ธุรกิจฟู้ดทรัคด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบธุรกิจแบบหน้าร้านพร้อมนั่งทานอาหารในร้านเป็นหลัก

เมื่อเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 และรัฐบาลกำหนดนโยบาย ‘อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ’ พร้อมมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้ธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบทันที ถึงแม้ว่าจะมีการเพิ่มช่องทางการให้บริการจัดส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ยอดขายก็ยังไม่เติบโตเท่าที่ควร รวมทั้ง ไม่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่มีอย่างหลากหลาย ดังนั้น การลงทุนขยายธุรกิจสู่รถอาหารเคลื่อนที่หรือฟู้ดทรัคจะเป็นการเพิ่มอัตราส่วนของรายได้และฐานลูกค้ามากขึ้น ทำให้เข้าถึงโอกาสที่จะได้รับผลกำไรที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ธุรกิจฟู้ดทรัคไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีความรู้ขั้นพื้นฐานก่อนเข้าสู่ธุรกิจและมองเห็นลู่ทางของการเติบโต จึงมอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องและสถาบันการเงินให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าสู่ธุรกิจฟู้ดทรัค ตลอดจนให้คำปรึกษาและเพิ่มพูนความรู้ที่จำเป็นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและสร้างจุดแข็งในการประกอบธุรกิจ ขณะเดียวกัน เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มเบาบางลงให้จัดงานคาราวาน ฟู้ดทรัค มาร์ท ออนทัวร์ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ประกอบการฟู้ดทรัคที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่ธุรกิจ และขยายฐานลูกค้าแก่ผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจอยู่แล้ว รวมทั้ง เป็นการสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภคในภูมิภาคต่างๆ เกี่ยวกับธุรกิจ และพร้อมใช้บริการรถอาหารเคลื่อนที่ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยให้มีความเข้มแข็ง

161336543167

"ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พบว่า ผู้สั่งอาหารส่วนใหญ่กว่า 80 %ไม่ต้องการเดินทางไปที่ร้านอาหาร และกว่า 58% สั่งตรงจากทางร้านไม่ผ่านแอปพลิเคชั่น ฉะนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการรายย่อยทั้งร้านอาหาร ร้านค้าแผงลอย และบุคคลธรรมดาที่จะเข้าสู่ตลาดธุรกิจฟู้ดทรัค สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ www.dbd.go.th สายด่วน 1570 หรือ กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ โทร. 0 2547 4939 e-Mail : [email protected] กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ โทร. 0 2547 5953 e-Mail : [email protected]"

นายญาณเดช ศิรินุกูลชร ประธานและผู้ก่อตั้ง TBIC Food Truck Thailand กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ครั้งแรก ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการฟู้ดทรัคโดยตรง เนื่องจากพื้นที่ขายที่ผู้คนออกมาซื้อสินค้า เกือบทุกพื้นที่ไม่เปิดให้บริการ ทำให้ฟู้ดทรัคต้องปรับตัวด้วยการไปจอดบริเวณหน้าหมู่บ้าน เพื่อให้บริการคนในพื้นที่ที่ไม่ต้องการเดินทางออกนอกพื้นที่ สามารถสั่งอาหาร/เครื่องดื่มของฟู้ดทรัค ทั้งแบบส่งเดลิเวอรีและแบบรับสินค้าจากที่รถ ทำให้ฟู้ดทรัคที่ปรับตัวโดยเฉพาะที่มีการให้บริการแบบฟู้ดเดลิเวอรีได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าและมากกว่าสถานการณ์ปกติ

161336546081

โดยช่วงต้นปี 2563 การออกรถฟู้ดทรัคคันใหม่เพื่อประกอบธุรกิจหยุดชะงักไปบ้าง แต่ในช่วงไตรมาสที่ 3 - 4 กลับมีการสั่งซื้อและผลิตรถฟู้ดทรัคทั้งในรูปแบบของรถกระบะและเทรลเลอร์มากขึ้น ทำให้ปลายปี 2563 รถฟู้ดทรัคเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 2,800 คันทั่วประเทศ จากช่วงต้นปี 2563 ที่มีรถฟู้ดทรัค จำนวน 2,500 คันทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นประมาณ 12%  อีกทั้ง ผู้ประกอบการฟู้ดทรัคเลิกประกอบกิจการมีจำนวนน้อยมาก เนื่องจากต้นทุนในการดำเนินกิจการแปรผันตามยอดขายในแต่ละพื้นที่เป็นหลัก ขณะที่ต้นทุนคงที่ในการดำเนินกิจการค่อนข้างต่ำ ทำให้การประกอบธุรกิจฟู้ดทรัคมีความยืดหยุ่นและมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับร้านอาหารทั่วไป มูลค่าการตลาดของธุรกิจฟู้ดทรัค ในปี 2562 อยู่ที่ 2,640 ล้านบาท และปี 2563 อยู่ที่ 2,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 316 ล้านบาท หรือ 11.97% โดยมีผู้ประกอบการร้านอาหารรายใหญ่ระดับประเทศร่วมโดดลงเข้ามาร่วมแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นด้วย”

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ประกอบการฟู้ดทรัค ประมาณ 2,800 คัน แบ่งเป็น ภาคกลาง  60 %ภาคเหนือ  14%  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  9% ภาคตะวันออก  6% ภาคใต้  6% และภาคตะวันตก  5 %  โดยสัดส่วนการจำหน่าย แบ่งเป็น ประเภทอาหารอินเตอร์ 27 % เครื่องดื่ม 26% อาหารไทย  22 % อาหารว่าง-หวาน  15 % และ อาหารว่าง-คาว  10% สำหรับ เงินลงทุน (รถใหม่) เริ่มต้นประมาณ 5 แสน - 1 ล้านบาท รายได้เฉลี่ยต่อคันต่อปีประมาณ 1,056,000 บาท อัตราการเติบโตของธุรกิจเฉลี่ย  20 %ต่อปี