ทีคิวอาร์ ปั้นรายได้โตไม่ต่ำกว่า 10%ใน 2-3ปีข้างหน้า
ทีคิวอาร์ รุกพัฒนาเทคโนโลยี -นวัตกรรมประกันภัย ประเดิมทุ่ม 40 ล้านบาทในปีนี้ พร้อมรับงานประกันภัยขนาดใหญ่และหาโอกาสร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและนอกธุรกิจ หวังสร้างเบี้ยประกันและรายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% รวมถึงกำไรโตไม่ต่ำกว่า 30% ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ปลื้มเข้าเทรดวันแรกราคาพุ่ง200%
นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวอาร์ จำกัด (TQR) เปิดเผยว่า การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้จะช่วยทำให้บริษัทมีฐานทุนที่มั่นคง มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของคู่ค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจให้มีการเติบโตมากขึ้น โดยบริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อลงทุนพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการให้บริการ (Operational Efficiency Improvement Platform) โครงการพัฒนาแบบจำลองและวิเคราะห์รูปแบบประกันภัยต่อ (Financial Model) และใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพัฒนาบุคคลากรและงานวิจัย เพื่อเน้นการนวัตกรรมประกันภัยใหม่ๆ เป็นที่ต้องการของลูกค้าในยุคNew Normal มีการเติบโตสูง เช่น ประกันสุขภาพและประกันภัยไซเบอร์ โดยเตรียมงบลงทุนในปีนี้ไว้ราว 40 ล้านบาท
ขณะเดียวกันภาพเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวครึ่งหลังของปีนี้จากการเริ่มฉีดวัคซีน จะช่วยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมประกันภัยเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งหากภาครัฐผลักดันโครงการลงทุนเพิ่มขึ้นบริษัทมีความพร้อมเข้าไปรองรับการประกันภัยโครงการขนาดใหญ่ จะเป็นตัวช่วยสนับสนุนการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต
พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงเปิดโอกาสหาพันธมิตรทางธุรกิจทั้งที่อยู่ในและนอกธุรกิจเดียวกัน นำจุดแข็งมาเสริมสร้างการความเติบโต สำหรับพันธมิตรนอกธุรกิจที่สนใจ คือ ธุรกิจเทคโนโลยี เพราะมองว่าในอนาคตที่ทุกธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการเติบโต
นายชนะพันธุ์ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจในระยะ2-3ปีข้างหน้า บริษัทมุ่งรักษาระดับการเติบโตของเบี้ยประกันภัยและรายได้ไม่ต่ำกว่าในอดีต โดย5ปีที่ผ่านมาเติบโตเฉลี่ย10% และกำไรสุทธิเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่งธุรกิจประกันจะรับรู้รายได้เติบโตดีในช่วงไตรมาส2และไตรมาส3 ของปี โดยในปีนี้มั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย
ในปี2563 ตลาดประกันวินนาศภัยมีเบี้ยประกันภัยทั้งสิ้น 280,000 ล้านบาท มีสัดส่วนการทำประกันภัยต่อราว 30% หรือ70,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีเบี้ยประกันในปี2563 ไม่ต่ำกว่าปี2562 อยู่ที่ 7,300 ล้านบาท เติบโต10% และบริษัทถือเป็นบริษัทนายหน้าประกันภัยต่อ ที่เป็นบริษัทไทยรายใหญ่ที่สุด มีส่วนแบ่งการตลาด10%
อย่างไรก็ตามหลังจาก TQR เข้าซื้อขายหุ้นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเปิดตลาดราคาอยู่ที่ 15.30 บาทต่อหุ้น สูงกว่า ราคาจองที่ 5.10 บาทต่อหุ้น หรือปรับขึ้น 200 % ระหว่างวันไม่มีหุ้นขายออก นายชนะพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ราคาหุ้น TQR ที่ปรับขึ้นมาถึง200% ถือว่า เกินความคาดหมาย โดยยังไม่มีคนขายเลย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อธุรกิจของเราว่าจะสามารถผันความเสี่ยงมาสร้างรายได้ในอนาคต โดย TQR มีทุนชำระแล้ว 115 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 170 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 60 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO)
ทั้งนี้ TQR มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลัง IPO 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มพรรณิภา ถือหุ้น 44.35% นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ ถือหุ้น 13.30% และนายพรเกษม เหล่าฤทธิรัตน์ ถือหุ้น 8.87% บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และทุนสำรองตามกฎหมาย