“คิวทีซี เอนเนอร์ยี่”ปรับกลยุทธ์ ตั้งรับพิษโควิด ทำเศรษฐกิจชะลอ
ประกาศตัวเลขผลประกอบการณ์ปี 2563 มีกำไรสุทธิ 157.33 ล้านบาทลดลง 20.60% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิ 198.40 ล้านบาท ขณะที่รายได้ 1,037.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.45% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 983.67 ล้านบาท
“พูลพิพัฒน์ ตันธนสิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ผู้ผลิตจัดจำหน่าย และให้บริการหม้อแปลงไฟฟ้า เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 2564 บริษัทยังต้อง“ปรับกลยุทธ์”ภายในองค์กรให้สอดคล้องกับภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศที่ยังคงชะลอตัว ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
โดยบริษัทตั้งรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งในเรื่องการต่อยอดขยายการลงทุนโดยเฉพาะใน“ธุรกิจด้านพลังงาน”เพื่อสามารถต่อยอดธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้าที่เป็นธุรกิจหลักได้ ซึ่งแผนการลงทุนที่บริษัทจะคำนึงถึงผลตอบแทนลงทุนจะต้องไม่ต่ำกว่า10% ถึงจะคุ้มค่ากับการลงทุน
รวมทั้งวางแผนเชิงรุกในการเจาะตลาด“ธุรกิจเทรดดิ้ง” ภายใต้การเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ ให้กับ LONGI Solar การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter รวมไปถึงการจำหน่าย DE BUSDUCT ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างศึกษาโครงการลงทุนอื่นๆ อีก คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
สำหรับ “จุดเด่น”ของแผงโซลาร์เซลล์ ที่ QTC เป็นตัวแทนจำหน่าย ให้กับ LONGI Solar Technology Co., Ltd. นั้น คือเป็นแผงโซลาร์ฯ Tier 1 ที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดด้วยโมดูลเซลล์แสงอาทิตย์แบบ Half-Cut Technology ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดถึง 98% และยังสามารถสร้างพลังงานได้แม้ในภาวะแสงน้อย และสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าออกมาได้ต่อเนื่องยาวนานกว่า 25 ปี และในปี 2564 นี้ จะเปิดตัวแผงโซลาร์เซลล์ ขนาด 540 W เพื่อวางจำหน่ายในประเทศไทยต่อไป จากปัจจุบันมีขนาดสูงสุด 450 W
“อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตของ QTC ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมที่ระดับ1,200 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า 900 ล้านบาท และธุรกิจเทรดดิ้ง300 ล้านบาท”
ล่าสุดบริษัทมียอดขายต่อเนื่องจากปีก่อนจนถึงปัจจุบันกว่า 320 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายหม้อแปลงไฟฟ้าต่างประเทศ จำนวน 200 ล้านบาท ยอดขายหม้อแปลงไฟฟ้าในประเทศ จำนวน 90 ล้านบาท และจากเทรดดิ้ง โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์ ให้กับ LONGI Solar จำนวน 30 ล้านบาท
อีกทั้งยังมีแผนการเข้าประมูลงานการไฟฟ้าภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มูลค่ารวมประมาณ 1,500 ล้านบาท และคาดว่าจะได้งานไม่น้อยกว่า 10% ของมูลค่างาน ซึ่งคาดว่าจะทยอยประกาศผลออกมาในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้
ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ และรายได้รวมเพิ่มขึ้น เนื่องจากตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทมีการวางกลยุทธ์การตลาดในธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า และ ธุรกิจเทรดดิ้ง ในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความต้องการซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้นโดยเห็นได้จากยอดขายผลิตภัณฑ์โดยรวมปรับตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุนในการควบคุมการผลิต
ขณะเดียวกันบริษัทยังรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าของ บริษัท คิวโซลาร์1 จำกัด ขนาด 8.6เมกกะวัตต์(MW) ที่ปราจีนบุรีเข้ามาด้วยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ยังมีมติให้ดำเนินการย้ายหลักทรัพย์ QTC จากตลาดหลักทรัพย์ maiไปเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) เพื่อเป็นการยกระดับบริษัทและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งยังเป็นการลดข้อจำกัดในการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนสถาบันที่สนใจเข้ามาถือหุ้นของ QTCโดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการย้ายเข้า SET ได้ภายในปีนี้อีกด้วย