'การบินไทย' ประกาศโครงสร้างองค์กรใหม่ ลดผู้บริหาร 240 คน
การบินไทยประกาศปรับโครงสร้างองค์กร แปรรูปบริษัทเอกชนเต็มตัว ลดฝ่ายบริหาร 240 อัตรา หวังเดินหน้าบริหารงานคล่องตัว เริ่มมีผลบังคับใช้ 1 พ.ค.นี้
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามในคำสั่ง เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา เรื่อง โครงสร้างองค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยระบุถึงการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรใหม่ ภายหลังจากการบินไทยพ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจสู่การเป็นบริษัทเอกชน เนื่องจากการบินไทยประสบปัญหาทางการเงินจนต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ คณะผู้ทำแผนฟื้นฟู เห็นว่าเพื่อให้กิจการสำเร็จลุล่วงจนสามารถประกอบกิจการต่อไปจนกระทั่งกลับมามีสถานะมั่นคงเช่นเดิม จำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างและกลยุทธ์ทางธุรกิจหลายๆ ด้าน รวมทั้งโครงสร้างองค์กรและสวัสดิการพนักงาน
ดังนั้นที่ประชุมคณะผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 17 ก.พ.2564 ได้มีมติอนุมัติกำหนดการให้ประกาศโครงสร้างองค์กรใหม่ในวันที่ 18 ก.พ.2564 เพื่อให้พนักงานปัจจุบันแสดงความจำนงในการเข้าทำงานตามโครงสร้างองค์กรใหม่ของบริษัท และให้ความยินยอมในการปรับเปลี่ยนสภาพการจ้างตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย
ทั้งนี้ โครงสร้างองค์กรใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ค.2564 เป็นต้นไป โดยให้พนักงานยังตงปฏิบัติหน้าที่และมีความรับผิดชอบตามตำแหน่งปัจจุบัน จนกว่าบริษัทฯ จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
สำหรับโครงสร้างใหม่ดังกล่าว ประกอบด้วย ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท (CEO) สายการพาณิชย์ (DN) สายปฏิบัติการ (DO) สายช่าง (DT) สายการเงินและการบัญชี (DE) สายทรัพยากรบุคคล (DB) ฝ่ายดิจิทัล (D5) ฝ่ายขับเคลื่อนองค์กร (D6) และหน่วยธุรกิจ (DV) โดยมีหน่วยงานขึ้นตรงกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ได้แก่ ฝ่ายความปลอดภัยและรับรองคคุณภาพองค์กร (D1) ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาองค์กร (D2) ฝ่ายกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์องค์กร (D3) และสำนักงานการตรวจสอบภายใน (D4)
อย่างไรก็ดี ในการจัดทำโครงสร้างองค์กรใหม่นี้ ได้ลดขั้นตอนการบังคับบัญชาจากโครงการเดิม ซึ่งมี 7 ระดับ เหลือเพียง 5 ระดับ ได้แก่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ระดับ 14 ประธานจ้าหน้าที่ (Chief of) ระดับ 12-13 ผู้อำนวยการ (Director) และกรรมการผู้จัดการ (Managing Director) ระดับ 11-12 หัวหน้าฝ่าย (Head of) ระดับ 8-9 โดยลดจำนวนผู้บริหารจาก 740 อัตรา เหลือประมาณ 500 อัตรา ซึ่งจะทำให้การติดต่อสื่อสาร และการประสานงานมีความคล่องตัวมากขึ้น สามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้น