โบรกคาดโค้งแรกต่างชาติทิ้ง ‘หุ้นไทย’

โบรกคาดโค้งแรกต่างชาติทิ้ง ‘หุ้นไทย’

“หุ้นไทย”ร่วงหนัก 22 จุด กองทุนไทย ต่างชาติ โบรก พร้อมใจขาย 6.5 พันล้านบาท ทิสโก้ ชี้ นักลงทุนกังวล ดอกเบี้ยปรับขึ้น หลัง บอนด์ยิลด์สหรัฐ 10 ปีพุ่งทำนิวไฮรอบ 1 ปี -หลุดแนวรับสำคัญ “กสิกรไทย"คาดหุ้นไทยปรับฐานอีก 1 เดือน ด้าน"โนมูระพัฒนสิน"เผย ฟุตซี่ ลดน้ำหนักหุ้นไทย ประเมินแรงขาย 3.6 พันล้าน มีผล 19 มี.ค.

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (22ก.พ.)ปรับตัวลงแรงในช่วงบ่าย ทำจุดต่ำสุดที่ 1,476.50 จุด ลดลง24.01 จุด ก่อนจะรีบาวด์กลับมาปิดที่ 1,474.14 จุด ลดลง 22.37จุด หรือ 1.49% มูลค่าการซื้อขาย 89,859.24 ล้านบาท

ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 2,407.25 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 2,173.64 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,966.70 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 6,547.59 ล้านบาท

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลง เนื่องจาก บอนด์ยิลด์สหรัฐ 10 ปี ที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ1ปี อยู่ที่ 1.36%ซึ่งการที่บอนด์ยิลด์ปรับตัวขึ้นก็เป็นการสะท้อนแนวโน้มดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้น ซึ่งกดดันต่อการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับฐาน ประกอบกับสัญญาทางเทคนิคไม่ดีจากที่ดัชนีหลุด 1,500จุด ทำให้ต้องมีการปรับฐานลงมา

ทั้งนี้คาดว่านักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นไทย และคาดว่าจะยังคงต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ เพราะ MSCI จะมีการลดน้ำหนักหุ้นไทยในวันที่ 25ก.พ.จึงทำให้มีแรงขายออกมา ซึ่งส่วนตัวมองว่าช่วงนี้ฟันด์โฟลว์จะชะลอตัวจนกว่าจะเห็นภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจนกว่านี้ หวังครึ่งปีหลังฟันด์โฟลว์กลับมา

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยจากนี้ถึงเดือนมี.ค.คาดว่าจะดัชนีปรับฐานตามตลาดหุ้นทั่วโลกจะเป็นลักษณะไซด์เวย์ดาวน์ จากบอน์ดยิล และการเมืองในประเทศใน เรื่องการชุมนุม

อย่างไรตามประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ประธานธนาคารกลางสหรัฐจะมีการให้ถ้อยแถลงต่อ สภาคองเกรส ถึงทางเศรษฐกิจและแนวโน้มนโยบายการเงิน ซึ่งคาดเฟดจะยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงินต่ด ซึ่งอาจทำให้บอนด์ยิลด์อ่อนตัวลงมาได้ และสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไบเดน อาจเป็นข่าวดีกระตุ้นให้ดัชนีในช่วงปลายสัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้นได้

161402126640


นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุนกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์(บล.) โนมูระพัฒนสิน กล่าวว่า หุ้นไทยปรับตัวลงแรง มาจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ และFTSE ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทย เป็นปัจจัยถ่วงดัชนีหุ้นไทย ที่เพิ่มเข้ามา ซึ่ง FTSE Rebalance รอบนี้ ไม่มีหุ้นไทยเข้าออก แต่ไทยถูกปรับลดน้ำหนักลงเหลือ 2.25%จาก 2.3% คิดเป็นเม็ดเงินราว 3.6 พันล้านบาท โดยหุ้นที่ถูกปรับน้ำหนักลงมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ PTT ,TMB,SCC,CPALL,AOT เป็นเม็ดเงิน -11 ถึง -5 ล้านดอลลาร์ต่อหุ้น โดยทั้งหมดจะมีผลต่อราคาปิดวันที่19 มี.ค.นี้

ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวเป็นปัจจัยกดดันดัชนีเพิ่มเติม ต่อเนื่องจากการการปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยของ MSCI ก่อนหน้านี้ จะมีผลในวันที่ 25 ก.พ.นี้ รวมถึงแนวโน้มเงินเฟ้อเร่งตัวและการดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของบอนด์ยีลด์ ประกอบกับจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ในระยะสั้น หุ้นไทยมีโอกาสพักฐานระยะอีก 1 เดือนจากนี้ โดยมองแนวรับที่ 1,400-1,450 จุด และแนวต้าน 1,550-1,560 จุด

ดังนั้น ประเมินกระแสเงินทุนต่างชาติ(ฟันด์โฟลว์) ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ยังเป็นเงินไหลออกต่อเนื่อง แต่ปลายไตรมาส 2 ปีนี้ คาดหวังฟันด์โฟลว์น่าจะกลับได้ หากเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนหลังเริ่มกระจายฉีดวัคซีนและคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดีขึ้น

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ระยะสั้น คาดดัชนีหุ้นไทยปรับฐานระยะ 1 เดือนจากนี้ แนวรับในช่วงสัปดาห์สุดท้ายเดือนก.พ.ที่ 1,475 จุดและในเดือน มี.ค. ที่1,444 จุด ซึ่งคาดไม่น่าหลุดระดับนี้เป็นโอกาสที่เข้าลงทุนเก็งกำไรได้ ส่วนแนวต้านที่ 1,500 จุด

ขณะที่แนวโน้มฟันด์โฟลว์จะไหลกลับมาในตลาดหุ้นไทยได้หรือนั้น ยังต้องรอติดตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยหลังจากได้รับวัคซีน และถ้าฝั่งสหรัฐเศรษฐกิจฟื้นกลับมาเร็ว มีการลดสภาพคล่อง เชื่อว่าแนวโน้มในระยะยาว ดอลลาร์กลับมาแข็งค่า ดังนั้นต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยตอนนี้เป็นการเข้ามาเพื่อเก็งกำไรค่าเงินเป็นหลัก