ลุ้น 'สภาพัฒน์' เคาะ 'เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3' ขยายถึง ก.ค.64 เพิ่มอีก 2 ล้านสิทธิ์ห้องพัก
ททท.เผยวันนี้ลุ้น สศช.เคาะขยายเวลาโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” ถึง ก.ค.64 เพิ่มสิทธิ์จองห้องพักอีก 2 ล้านสิทธิ์ใหม่ พร้อมหารือเรื่องปรับโครงการ "เที่ยวไทยวัยเก๋า" เปลี่ยนใหม่เป็น "ทัวร์เที่ยวไทย" ให้อายุ 18 ปีขึ้นไปเที่ยวผ่านบริษัททัวร์
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า วันนี้ (5 มี.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะพิจารณาการขยายโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” เพิ่มสิทธิ์จองห้องพักอีก 2 ล้านห้องใหม่ หลังจำนวนสิทธิ์จองห้องพักทั้ง 6 ล้านห้องเดิมจากเฟส 1 และเฟส 2 หมดไปเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมขยายระยะเวลาการใช้สิทธิ์ห้องพักไปจนถึงเดือน ก.ค.2564 ปรับเปลี่ยนจากเดิมที่ ททท.เคยอยากให้ขยายโครงการฯไปจนถึงเดือน ก.ย.2564 ซึ่งตรงกับระยะเวลาสิ้นสุดของ พรก.เงินกู้ฯ เนื่องจากต้องเผื่อเวลา 2 เดือนเพื่อสรุปงบประมาณการใช้จ่าย หากผ่านการพิจารณาของ สศช. จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า
“การขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 จะเป็นการช่วยกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศหลังสถานการณ์โควิด-19 ระลอกสองคลี่คลาย ซึ่งสถานการณ์จองห้องพักล่วงหน้าเดือน มี.ค.นี้ยังไม่ค่อยมีเข้ามา เนื่องจากนักท่องเที่ยวหลายรายรอใช้สิทธิ์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน หากเป็นไปได้อยากให้มีการประกาศขยายโครงการทันวันหยุดภูมิภาคภาคเหนือวันที่ 26 มี.ค.นี้ และส่งโมเมนตัมการเดินทางที่ดีไปถึงช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์”
ทั้งนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางส่วนเพื่อป้องกันการทุจริตที่อาจเกิดขึ้น อาทิ การกำหนดให้ต้องจองล่วงหน้าในช่วง 14 วัน เพื่อให้สามารถตรวจสอบการจองห้องพักล่วงหน้าได้จริงในแต่ละโรงแรม หรือมีกลไกควบคุมการเบิกจ่ายงบประมาณ เช่น การเรียกสอบเอกสารการใช้สิทธิเช็คอินจริงก่อนโอนเงินให้โรงแรมที่พัก จากเดิมที่ธนาคารกรุงไทยจะโอนเงินเข้าระบบตามอัตโนมัติ รวมถึงการนำยอดจองห้องพักของโรงแรมพิจารณาเปรียบเทียบกับอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมในจังหวัดนั้นๆ ด้วย ซึ่งจะง่ายต่อการประเมินความผิดปกติของการจอง
ส่วนการคืนค่าตั๋วเครื่องบินในส่วนของรัฐช่วยจ่าย 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท จะยังคงดำเนินต่อไป โดยขณะนี้มีการหารือถึงความเป็นไปได้ในการขยายเงื่อนไขรัฐให้สามารถช่วยจ่ายค่าตั๋วบินบุฟเฟต์ซึ่งทำให้คนเดินทางง่ายและถี่ขึ้น ปัจจุบันมี 2 สายการบินที่ได้จัดโปรโมชั่นนี้ไปแล้ว คือ ไทยแอร์เอเชีย และไทยเวียตเจ็ท โดย ททท.มีแนวคิดต้องการให้การเดินทางโดยตั๋วบินบุฟเฟต์ผูกกับการจองสิทธิ์ห้องพักที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และให้นักท่องเที่ยวยื่นเรื่องขอเงินคืน (รีดีม) ค่าตั๋วบินบุฟเฟต์ได้แค่ครั้งเดียว
ส่วนความคืบหน้าโครงการ “เที่ยวไทยวัยเก๋า” ล่าสุดปรับเปลี่ยนเงื่อนไข และเปลี่ยนชื่อโครงการใหม่เป็น “ทัวร์เที่ยวไทย” เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมระดับทุกวัยมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ไม่ได้จำกัดแค่เพียงผู้สูงวัยเท่านั้น โดยรัฐจะช่วยจ่าย 40% หรือไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน ให้ออกเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ในราคาแพ็คเกจขั้นต่ำ 12,500 บาท เป็นจำนวน 1 ล้านคน และจะนำโครงการทัวร์เที่ยวไทยหารือในที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ฯในวันนี้ด้วย
ทั้งนี้จะกำหนดโควตาให้บริษัททัวร์ที่เข้าร่วมโครงการทัวร์เที่ยวไทยรับนักท่องเที่ยวได้จำนวน 3,000 คนต่อ 1 บริษัท จึงคาดว่าน่าจะมีบริษัททัวร์เข้าร่วมโครงการกว่า 300 ราย ระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 เดือน โดยขณะนี้ยังต้องหารือกันอีกครั้งว่า สรุปแล้วเงินที่รัฐบาลจะสมทบให้นั้น จะยิงตรงไปยังผู้ใด ระหว่างบริษัททัวร์หรือผู้ใช้สิทธิ โดยทางนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้แนวทางมาว่า ควรยิงตรงไปยังบริษัททัวร์มากกว่า เพราะจำนวนน้อยกว่าประชาชนผู้ใช้สิทธิ รวมถึงหากมีความผิดปกติหรือต้องดำเนินการตรวจสอบใดๆ ก็สามารถทำได้ง่ายกว่าด้วย