ทนายเตรียมเดินเรื่องประกันตัว ‘กะเหรี่ยงบางกลอย’ ที่ถูกจับ
เหตุ จนท.ควบคุมตัวชาวบ้าน "บางกลอย" 22 คน ทนายคาด จันทร์ที่ 8 มี.ค.64 จะสามารถประกันตัวได้ อยู่ระหว่างติดต่อหาบุคคลที่มีตำแหน่งมาประกันตัวชาวบ้านทั้ง 22 คน
จากกรณีช่วงเช้าวันที่ 5 มีนาคม 2564 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เข้าสนธิกำลังขึ้นไปยังหมู่บ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน พร้อมควบคุมตัวนายหน่อแอะ มีมิ บุตรชายของนายโคอิหรือคออี้ มีมิ และชาวบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดินรวมกว่า 80 ชีวิต โดยอ้างว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 40 และพาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ลงมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวชาวบ้านทั้งหมดไว้ และไม่ให้ครอบครัว หรือทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และมูลนิธิผสานวัฒนธรรมเข้าพบในชั้นสอบสวน ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายหน่อแอะ มีมิ กับชาวบ้านรวม 22 คน ที่ถูกควบคุมตัวไปที่เรือนจำตามหมายขังศาลจังหวัดเพชรบุรีหลังเวลาทำการของศาล
ล่าสุดวันที่ 6 มีนาคม 2564 ที่เรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี ตำบลวังจันทร์ อำเภอแก่งกระจาน นางสาววราภรณ์ อุทัยรังษี ทนายความ ด้านสิทธิมนุษยชนช่วยเหลือชาวกะเหรี่ยง พร้อมด้วยชาวบ้านโป่งลึก -บางกลอย ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ได้เดินทางมาขอเข้าเยี่ยม และพูดคุยกับ นายหน่อแอะ มีมิ อายุ 59 ปี ลูกชายปู่คออี้ มีมิ ผู้นำทางจิตวิญญาณ และชาวบางกลอยที่ตกเป็นผู้ต้องหารวม 22 คน เกี่ยวกับทางคดี เพื่อหาทางประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด และให้กำลังใจอยู่บริเวณหน้าเรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี
นายพิทักษ์ รักษา เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี ได้ออกมาพูดคุยชี้แจงสภาพความเป็นอยู่ของผู้ต้องหาทั้ง22 คน โดยมีนายหน่อแอะ และหลานชายเพียง2คนที่ยังไม่ได้ตัดผมเนื่องจากเจ้าหน้าเครารพประเพณี
ทางเจ้าหน้าที่แจ้งญาติๆว่ามีหญิงชาวบ้านบางกลอยอายุประมาณ40ปี1รายมีอาการเครียดบ่นว่าจะผูกคอตาย แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปพูดคุยให้กำลังใจ และจัดเวรยามเฝ้าดูแล
เบื้องต้นประเมินค่ายื่นประตัวไว้คนละ 60,000 บาท ผู้ต้องหา 22 คน จะต้องใช้หลักทรัพย์รวม 1,320,000 บาท ซึ่งกำลังระดมทุนช่วยเหลือ คาดวันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2564 จะสามารถประกันตัวได้นี้ ขณะที่ยุทธการพิทักษ์ต้นน้ำเพชร ยังไม่ปิดภารกิจ ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี กว่า 10 นาย ร่วมลงพื้นที่แปลงที่ถูกบุกรุกแผ่วถ่างป่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อประเมินความเสียหายทางธรรมชาติป่าต้นน้ำ ซึ่งมีราคาตามการวัดคุณภาพที่เป็นมาตรฐานตามกฎหมายตีค่าความเสียหายไว้ ไร่ละ 120,000 บาท
นางสาววราภรณ์ อุทัยรังษี ทนายความกล่าวว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่ มากับชาวบ้าน เพื่อขอเข้าเยี่ยมผู้ต้องหา พร้อมนำเอกสารมาให้เซ็น แต่ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำแจ้งว่า เป็นวันหยุดราชการไม่สามารถให้เข้าเยี่ยมได้ โดยสามารถเข้าเยี่ยมได้ในวันจันทร์หน้าที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านคดีตนเอง กำลังติดต่อ หาบุคคล ที่มีตำแหน่ง มา ประกันตัวชาวบ้านทั้ง 22 รายมาจากเรือนจำกลางเพชร เพื่อมาต่อสู้คดีกับกรมอุทยาน
ทั้งนี้ วันเดียวกัน 7 องกรณ์สิทธิมนุษยชน ประกอบด้วย
- มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม
- มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ (มพน.)
- มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.)
- มูลนิธิผสานวัฒนธรรม
- มูลนิธิมานุษยะ
- สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)
- สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.)
ได้ออกแถลงการณ์ร่วม
ขอให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยุติยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร
และเคารพสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในพื้นที่บางกลอย-ใจแผ่นดิน