"อาคารอุบัติเหตุผู้ป่วยนอกฯ" รพ.แกลง จ.ระยอง รองรับEEC

"อาคารอุบัติเหตุผู้ป่วยนอกฯ" รพ.แกลง จ.ระยอง รองรับEEC

"รมช.สาธิต"วางศิลาฤกษ์ อาคารอุบัติเหตุผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยหนัก 6 ชั้น รพ.แกลง จ.ระยอง รองรับการขยายตัวตามโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)

วันนี้ (7 มีนาคม 2564) ที่โรงพยาบาลแกลง จังหวัดระยอง ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารอุบัติเหตุผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยหนัก 6 ชั้น โดยมีนายยุทธพล องอาจอิทธิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 6 และคณะผู้บริหาร เข้าร่วมพิธี

ดร.สาธิต กล่าวว่า โรงพยาบาลแกลงได้เพิ่มขีดความสามารถด้านการรักษาพยาบาล และด้านอุบัติเหตุฉุกเฉินให้ได้มาตรฐาน ปลอดภัย รองรับผู้ป่วยตั้งแต่จุดเกิดเหตุจนถึงโรงพยาบาล ตอบสนองต่อจำนวนอุบัติเหตุ
ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและปริมาณผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น

จากการที่ประชากรย้ายเข้าพื้นที่ มีการขยายตัวตามโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งมีเส้นทางคมนาคมที่สำคัญผ่านไปสู่จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด และประเทศกัมพูชาทั้งยังส่งเสริมการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศจะเข้ามามากขึ้น จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการก่อสร้างอาคารรองรับผู้ป่วยอุบัติเหตุ และผู้ป่วยนอก ให้ได้รับการบริการที่สะดวก เพื่อทดแทนอาคารผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุที่มีสภาพแออัดที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน

สำหรับอาคารอุบัติเหตุ ผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยหนัก มีทั้งหมด 6 ชั้น ภายในอาคารประกอบด้วย ชั้น 1 ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน ห้องตรวจโรคผู้ป่วยนอก ห้องผู้ป่วยหนัก ห้องบัตรเวชระเบียน ห้องจ่ายยา ชั้น 2 ห้องตรวจโรคเฉพาะทาง ตรวจหู ตา คอ จมูก นรีเวช กุมารเวช อายุรกรรม ชั้น 3 ห้องทันตกรรม

คลินิกการแพทย์แผนไทย ชั้น 4 สำนักงานพัฒนาระบบบริการ ศูนย์คอมพิวเตอร์ ชั้น 5 สำนักงานด้านอำนวยการ งานบริหารทั่วไป ชั้น 6 ห้องประชุมใหญ่ และห้องประชุมการประชุมทางไกล ได้รับงบประมาณสนับสนุนจำนวน 137,500,000 บาท ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี จะแล้วเสร็จในปี 2566

ทั้งนี้ โรงพยาบาลแกลงเป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาดเล็ก 200 เตียง ในปี 2563 มีผู้รับบริการเป็นผู้ป่วยนอกเฉลี่ยวันละ 708 ราย ผู้ป่วยในเฉลี่ยวันละ 135 ราย เฉพาะแผนกฉุกเฉิน-อุบัติเหตุ เฉลี่ยวันละ 104 ราย เข้ารับบริการทั้งปี 29,873 ราย โรคที่พบส่วนใหญ่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง และโรคหลอดเลือดสมอง