'จุรินทร์' ไม่หวั่นเสียเก้าอี้ ส.ส.เมืองคอน ชี้เลือกตั้งมีแพ้-ชนะ

'จุรินทร์' ไม่หวั่นเสียเก้าอี้ ส.ส.เมืองคอน ชี้เลือกตั้งมีแพ้-ชนะ

"จุรินทร์" ไม่หวั่น "ประชาธิปัตย์" เสียเก้าอี้ ส.ส.เมืองคอน ชี้ผลเลือกตั้งมีแพ้-ชนะ "นิพนธ์" เตรียมทบทวนจุดแข็ง-จุดอ่อน เตรียมแก้มืออีก 2 ปีข้างหน้า

วันที่ 8 มี.. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงผลเลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราช เขต 3 อย่างไม่เป็นทางการ โดยนายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ ชนะนายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ว่า ขอขอบคุณชาวนครศรีธรรมราชทุกเขตเลือกตั้ง และขอบคุณทุกส่วนที่เกี่ยวข้องที่ร่วมมือกันไปช่วยหาเสียง เพราะการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เพราะได้เสียงจากชาวนครศรีธรรมราชเพิ่มขึ้นกว่าการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อครั้งที่ผ่านมาถึง 1 หมี่นกว่าเสียง ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่ต้องนำมาพิจารณาและเป็นกำลังใจให้กับพรรคเดินหน้าต่อไป ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อมของพรรคเป็นคนรุ่นใหม่ ในการเลือกตั้งครั้งแรกในชีวิตที่ประสบความสำเร็จ จึงถือว่ามีคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในอนาคต

"ผลการเลือกตั้งเป็นเรื่องธรรมดาของการแข่งขันที่มีคนแพ้และคนชนะ ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์มีทั้งแพ้และชนะ อาทิ การเลือกตั้งนายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัด พรรคก็ได้รับชัยชนะหลายพื้นที่"นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ การเลือกตั้งมีทั้งจุดอ่อนจุดแข็ง แต่พรรคการเมืองก็ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ต้องมีการประเมินเป็นการภายใน และซึ่งทุกคนยังเข้มแข็งกำลังใจดีเพื่อนำพรรคสู่ความสำเร็จต่อไป

เมื่อถามถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งซ่อม .. ที่ .ชุมพร และสงขลา นายจุรินทร์ กล่าวว่า ที่ .สงขลา พรรคประชาธิปัตย์เพิ่งได้รับชัยชนะเหนือคู่แข่งด้วยคะแนนที่สูงกว่าจำนวนมาก จากการเลือกตั้งนายก อบจ.แต่ไม่อยากพูดถึงการเลือกตั้งซ่อมใน 2 จังหวัดไปก่อน เพราะยังถือว่าทุกคนยังเป็น ..จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีวินิจฉัยเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ถ้ามีการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่เดิมนั้น พรรคก็ต้องลงไปดูว่าจะดำเนินการอย่างไร

161520306594

เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐ เตรียมส่งคนลงเลือกตั้งซ่อมใน .ชุมพรและสงขลา จะสร้างความขัดแย้งหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า "เคยพูดเรื่องนี้ไปหมดแล้ว ขอยืนยันว่าพรรคยังมีจุดยืนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนพรรคการเมืองใดจะตัดสินใจอย่างไรก็เป็นเรื่องของพรรคการเมืองนั้น ผมทำการเมืองมานาน อย่างน้อยที่สุดประชาธิปัตย์มีวุฒิภาวะที่จะเข้าใจได้ว่าอะไรเป็นอะไร พรรคอยู่มา 70 กว่าปีฉะนั้นเราเข้าใจกระบวนการทางการเมืองดี เพียงแต่วันหนึ่งได้คะแนนน้อยบ้างมากบ้างเป็นเรื่องปกติ เรามั่นใจสิ่งที่เราคิดสิ่งที่ทำ ทำบนสถาบันทางการเมืองที่ต้องการส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้สามารถยืนหยัดได้อย่างยั่งยืน"

ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ผลเลือกตั้งที่ออกมาตนพอใจ แต่เท่าที่ประเมินภาพรวมจะเห็นว่าอาจจะมีตัวแปรบางตัวที่พรรคการเมืองบางพรรคได้คะแนนที่เคยเป็นของเราไป ทำให้คะแนนสวิงได้ แต่พรรคต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน และนำมาประเมินสถานการณ์ทั้งหมด เพื่อเตรียมตัวหากจะมีการเลือกตั้งใหญ่ใน 2 ปีข้างหน้าว่าจะกำหนดยุทธศาสตร์อย่างไร โดยในพรรคต้องมีการพูดคุยกันถึงจุดอ่อนและจุดแข็งในพื้นที่  ถึงแม้พรรคจะไม่ได้เป็นผู้แทนฯ แต่อย่างน้อยก็บ่งบอกว่าเราต้องทำการบ้านเพราะยังมีข้อสอบใหญ่ในอีก 2 ปีข้างหน้า

เมื่อถามถึงการเลือกตั้งซ่อมที่ .สงขลา และ .ชุมพรนั้น นายนิพนธ์กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกันเพราะต้องรอความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญ แต่การเมืองต้องมีความพร้อมอยู่ตลอดเวลาจะรอให้ถึงวันนั้นแล้วค่อยคิดก็ลำบาก จึงต้องมีการปรับตัวและเตรียมตัวว่าเราจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร แต่ขณะนี้ต้องรอผลสรุปจากพื้นที่ เพื่อนำมาสรุปชัดเจนอีกครั้งภายในพรรค อาทิ เรื่องพื้นที่หรือข้อจำกัดของเวลาในการลงไปทำความเข้าใจกับประชาชน อาจเห็นได้ว่าเวทีปราศรัยที่เป็นจุดแข็งของพรรคครั้งนี้มีเวลาจำกัด จึงทำได้น้อยเพราะมีการเปิดปราศรัยใหญ่เพียง 2 วันเท่านั้นใน 4 อำเภอ

161520302556

เมื่อถามถึงมารยาทการร่วมรัฐบาล กรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลจะส่งผู้สมัครลงแข่งในการเลือกตั้งซ่อม .. อีกทั้ง 2 จังหวัด นายนิพนธ์กล่าวว่า "ไม่ขอพูดเรื่องมารยาททางการเมือง หากจะมีการแข่งขันกันก็เป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย เพราะสิ่งที่บอกว่าเรื่องมารยาท ผมเข้าใจว่าในอดีตเคยเห็นบทเรียนเรื่องความแตกแยกของรัฐบาลผสมมาแล้ว หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรทำอะไรที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วม โดยเฉพาะการเลือกตั้งหมิ่นเหม่ก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน จึงมีการละเว้นเรื่องนี้ แต่เมื่อทุกคนคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรละเว้นก็แล้วแต่ความเห็นของแต่ละพรรค ก็ต้องเคารพกัน"