กบง.ไฟเขียวเดินหน้าเปิดเสรีก๊าซฯ ระยะที่ 2

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มีนายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน วันนี้(9มี.ค.) ได้พิจารณาวาระสำคัญ เช่น แผนการปรับโครงสร้างการแข่งขันกิจการก๊าซธรรมชาติเสรี โดยมีมติเดินหน้าส่งเสริมการแข่งขันกิจการก๊าซฯ ระยะที่ 2 ตามที่มีนายณอคุณ สิทธิพงศ์ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานคณะทำงานฯ เพื่อส่งเสริมให้ผู้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper) รายใหม่ จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) สามารถนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ได้ ซึ่งคาดหมายว่าจะเริ่มเห็นการนำเข้าของ Shipper รายใหม่ ภายในปีนี้

สำหรับแผนการปรับโครงสร้างการแข่งขันกิจการก๊าซฯ เบื้องต้น กบง.ยังเห็นชอบให้การนำเข้าก๊าซฯ แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การนำเข้าก๊าซฯตลาด(เดิม) ที่มีบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เป็นผู้นำเข้าภายใต้สัญญาจัดกหาการหลักเพื่อความมั่นคงด้านไฟฟ้าของประเทศ และส่วนที่ 2 คือการนำเข้าก๊าซฯตลาด(ใหม่)จากผู้ได้รับใบอนุญาต LNG Shipper รายใหม่

“หลักสำคัญของการเปิดเสรีก๊าซฯระยะที่ 2 จะต้องไม่กระทบต่อปริมาณการใช้ก๊าซฯในประเทศ รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดภาระ Take or Pay หรือ สัญญาจัดซื้อก๊าซฯที่ไม่ใช้ก็ต้องจ่าย และต้องเกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่กระทบต่อภาระค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าโดยรวม”

ทั้งนี้ กบง.เตรียมนำรายละเอียดหลักเกณฑ์การเปิดเสรีก๊าซฯระยะที่ 2 เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในช่วงประมาณปลายเดือน มี.ค. หรือต้นเดือน เม.ย.นี้

ปัจจุบัน กกพ.ได้พิจารณาออกใบอนุญาต LNG Shipper แล้ว จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย

1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
2. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
3. บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
4. บริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด
5. บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด

รวมถึง ยังมี 3 ราย ที่อยู่ระหว่างรอการพิจารณาออกใบอนุญาต LNG Shipper ได้แก่  บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก ,บริษัทลูกในกลุ่มของ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)  และบริษัทในกลุ่ม SCG

นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือน มี.ค.2564  กบง.จะมีการประชุมอีกครั้งเพื่อพิจารณามาตรการช่วยเหลือราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) ที่รัฐบาลตรึงราคาไว้ที่ 318 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ซึ่งจะหมดอายุมาตรการสิ้นเดือน มี.ค. นี้