สต็อกน้ำมันปาล์มต่ำ กว่าแสนตัน 'พาณิชย์' ยันดูแลได้ทั้งระบบ
สต็อกน้ำมันปาล์มวิกฤตต่อ ลดเหลือไม่ถึง 1 แสนตัน แถมปาล์มขวดราคายังไม่ลง ด้านกรมการค้าภายใน รับเหตุจากภัยแล้งฉุดผลผลิตลดลงกว่าคาด 19% มั่นใจยันเอาอยู่ ดูแลทั้งระบบ
รายงานข่าวกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำมันปาล์มยังคงอยู่ในภาวะวิกฤตต่อเนื่อง โดยตัวเลขสต็อกน้ำมันปาล์มดิบ ที่กระทรวงพาณิชย์สำรวจล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนก.พ.64 ยังคงลดต่อจนเหลือไม่ถึง 1 แสนตัน ซึ่งต่ำกว่าปริมาณเซฟตี้สต๊อก หรือปริมาณสำรองระดับปลอดภัยสำหรับใช้เพียงพอใน 1 เดือน ที่กำหนดไว้ 250,000 -300,000 ตัน โดยปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบใน 34 จังหวัด ประจำเดือน ก.พ. เหลืออยู่ที่ 96,208 ตัน ลดลงไป 31% จากเดือนม.ค.64 ที่มีสต๊อกอยู่ที่ 141,130 ตัน และเป็นแนวโน้มที่ลดลงต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน จากเดือนธ.ค.63 ที่มีสต๊อก 209,328 ตัน และเดือนพ.ย.63 ที่มีสต๊อก 301,644 ตัน
ส่วนสถานการณ์จำหน่ายน้ำมันปาล์มขวดสำหรับผู้บริโภคในซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าก็ยังมีราคาทรงตัวระดับสูงขวด 48-49 บาท พร้อมกับมีการจำกัดปริมาณการซื้อไม่เกินครัวเรือนละ 3 ขวดเช่นเดิม ขณะที่ตามร้านค้าโชห่วย และในตลาดสดก็ยังขายน้ำมันปาล์มอยู่ที่ขวด 50-55 บาท
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ผลกระทบจากภัยแล้งทำให้ปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบลดลงต่อเนื่อง โดยผลผลิตปาล์มน้ำมันที่ออกมาในเดือนก.พ.63 –ก.พ.64 มีปริมาณลดลงจากที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดการณ์ไว้ถึง 19.50% ส่งผลให้ราคาผลปาล์มสดสูงขึ้นจากเดือนส.ค.63 เฉลี่ย กก. 3.58 บาท เพิ่มขึ้นถึง กก. 7.70 บาท ในเดือนก.พ.64 อีกทั้งยังทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบแพงขึ้นจากเดือนก.พ.63 กก.ละ 23.43 บาท เพิ่มเป็น 40 บาท ในเดือนก.พ.64
อย่างไรก็ตาม กรมการค้าภายในได้ดูแลให้มีการผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีสินค้าออกมาจำหน่ายอย่างเพียงพอ รวมถึงดูแลราคาจำหน่าย ให้สอดคล้องกับต้นทุน รวมถึงขอความร่วมมือห้างค้าส่ง ค้าปลีก จำหน่ายน้ำมันปาล์มขวดในระดับราคาที่ไม่เป็นภาระต่อประชาชน โดยที่ผ่านมาผู้ประกอบการ ได้ให้ความร่วมมืออย่างดี มีการจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดราคาเฉลี่ย 48 - 49 บาท รวมถึงให้พาณิชย์จังหวัดออกตรวจสอบร้านค้าย่อย ไม่ให้ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา
สำหรับการดูแลรับซื้อปาล์มน้ำมันได้ให้ผู้ค้าปิดป้ายแสดงราคารับซื้ออย่างชัดเจน พร้อมกับมีการส่งสายตรวจเฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจสอบการรับซื้อ ซึ่งช่วยให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ราคาที่เหมาะสม จึงขอความร่วมมือโรงงานสกัดฯรับซื้อผลผลิตในราคาที่สอดคล้องกับตลาด และปิดป้ายแสดงราคารับซื้อให้ชัดเจน โดยหากพบว่ามีการฝ่าฝืน ไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ มีโทษ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และหากพบว่ามีการกดราคา หรือจงใจทำให้เกิดความปั่นป่วนด้านราคา มีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ