'ผ่อนคลายกฏ-ยกเว้นภาษี'แผนดูดเศรษฐีลงทุนสิงคโปร์

'ผ่อนคลายกฏ-ยกเว้นภาษี'แผนดูดเศรษฐีลงทุนสิงคโปร์

ผ่อนคลายกฏ-ยกเว้นภาษี เป็นมาตรการดึงดูดบรรดาเศรษฐีเข้าไปลงทุนในสิงคโปร์ โดยเศรษฐีเอเชียมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 22.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 มากกว่าอเมริกาเหนือ สหรัฐและยุโรป

สิงคโปร์ กำลังดำเนินบทบาทเป็นเหมือนสนามเด็กเล่นของคนรวย ในฐานะเป็นตลาดเสรี เก็บภาษีในอัตราต่ำ ทำให้ในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บรรดากองทุนต่างชาติและบริษัทบริหารสินทรัพย์ของต่างประเทศพากันหลั่งไหลเข้าไปลงทุนในดินแดนแห่งนี้ ที่เปรียบเสมือนโมนาโกแห่งซีกโลกตะวันออกและกลุ่มนายทุนกระเป๋าหนักบางกลุ่มหนีปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในฮ่องกงเข้าไปลงทุนในสิงคโปร์แทน

ในสิงคโปร์ บรรดานักลงทุนที่มั่งคั่งต่างได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น บรรดาสถาบันการเงินเร่งขยายการบริการทางการเงิน ขณะที่รัฐบาลเองก็เร่งทำงานเพื่อแนะนำกรอบงานใหม่ๆที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่กองทุนต่างๆที่ต้องการเข้าลงทุน

ในบรรดาผู้ที่เข้าลงทุนในสิงคโปร์เมื่อไม่นานมานี้คือ“จาง ฮั่นจี้” บุตรชายของ“จาง หย่ง” และ“ชู ผิง” คู่สามีภริยาที่เปิดเชนร้านอาหารหม้อไฟชื่อดังในจีน "Haidilao" จางได้รับสิทธิ์ซื้อบ้านหลังหนึ่งบนนถนนแกลลอพ ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านที่ราคาบ้านและที่ดินแพงที่สุดในสิงคโปร์ อยู่ใกล้ถนนออร์ชาร์ดซึ่งเป็นย่านช็อปปิ้งและสวนพฤษศาสตร์เก่า หรือ โบทานิก การ์เด็น

เว็บไซต์สเตรทไทม์ส คาดการณ์ว่า ที่ดินผืนหนึ่งซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 2,000 ตารางเมตรมีราคาขายอยู่ที่ 42 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (31ล้านดอลลาร์สหรัฐ)ส่วนจางได้ซื้อบ้านที่อยู่ติดกันกับที่ดินผืนนั้นในราา 27 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปี2559

ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา เว็บไซต์สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า “เซอร์เกย์ บริน” ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิ้ลได้ตั้งสาขาของสำนักงานตระกูล ซึ่งลงทุนและบริหารจัดการสินทรัพย์ของตระกูลในสิงคโปร์ โดยคาดการณ์ว่าสินทรัพย์ของบรินมีประมาณ 91,000 ล้านดอลลาร์

การลงทุนโดยเศรษฐีทั้งสองคนตอกย้ำความน่าดึงดูดใจของสิงคโปร์ ซึ่งยกเว้นการจัดเก็บภาษีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์และจัดเก็บภาษีรายได้สูงสุดแค่ 22% ต่ำกว่าในยุโรปและสหรัฐ นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังได้ประโยชน์จากการที่เอเชียมีคนร่ำรวยมากขึ้น โดยผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยแคป เจมินิ ของฝรั่งเศส บ่งชี้ว่า มีคนรวยจำนวน 6.5 ล้านคนในเอเชียที่สามารถลงทุนมูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 เทียบกับในอเมริกาเหนือที่มี 6.3 ล้านคนและในยุโรปมี5.2 ล้านคน และตัวเลขคนรวยในเอเชียยังสะท้อนถึงสัดส่วน 1ใน3 ของจำนวนมหาเศรษฐีทั่วโลก

เศรษฐีเอเชียรวมกันมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 22.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 มากกว่าอเมริกาเหนือที่มีทรัพย์สินรวมกันทั้งสิ้น 21.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐและยุโรป 16.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่การระบาดของโรคโควิด-19 ช่วยเพิ่มเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติในสิงคโปร์มากขึ้น โดยการฝากเงินโดยรวมของพลเมืองนอกสิงคโปร์ที่สถาบันการเงินของสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 20% ปีต่อปี นับตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2563 โดยเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 64,200 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในเดือนม.ค.ปีนี้ ส่วนการฝากเงินปีต่อปีเพิ่มขึ้นกว่า 40% ในเดือนเม.ย.และพ.ค.ปี 2563 ก่อนหน้าที่กฏหมายความมั่นคงในฮ่องกงจะเริ่มมีผลบังคับใช้ไม่นาน การชุมนุมประท้วงในฮ่องกงบ่อยครั้งทำให้สิงคโปร์เป็นเหมือนแดนสวรรค์ที่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุนที่มีเย็นอยู่ในมือจำนวนมากและต้องการลงทุนเพื่อสร้างผลประโยชน์ให้งอกเงย

“คนรวยทั่วไปในฮ่องกงที่มีสินทรัพย์เกิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐพยายามกระจายสินทรัพย์เข้าไปลงทุนในต่างประเทศในหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งในสิงคโปร์ เพราะความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองในฮ่องกงที่นับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สินทรัพย์มูลค่าตั้งแต่ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปจนถึง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐเริ่มถูกย้ายเข้าไปในสิงคโปร์”วานิชธนกร ซึ่งทำงานในสิงคโปร์มานานเกือบ 20 ปีกล่าว

ขณะที่ไนท์แฟรงค์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของอังกฤษ เผยแพร่รายงานเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า จำนวนชาวสิงคโปร์ที่มีสินทรัพย์โดยรวมเกินกว่า 30 ล้านดอลาร์สหรัฐมีถึง 3,732 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ 10.2%

สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีพลเมืองที่มีสินทรัพย์สุทธิกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกแม้ว่าจะเป็นประเทศเล็กๆที่มีปร