จีนย้ำสกัดอิทธิพลอุตฯอินเทอร์เน็ต
จีนย้ำสกัดอิทธิพลอุตฯอินเทอร์เน็ต ขณะคณะผู้คุมกฏจีนต้องติดตามความเคลื่อนไหวบริษัทอินเทอร์เน็ตอย่างใกล้ชิด, กวาดล้างพฤติกรรมการผูกขาดตลาด, และป้องกันการขยายทุนอย่างไร้ระเบียบ
อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตจีน ตลดจนสื่อต่างๆรวมทั้งสื่อกระแสหลัก ยังคงถูกควบคุมอย่างเข้มงวดจากรัฐบาลปักกิ่ง ในฐานะที่สื่อเหล่านี้มีอิทธิพลต่อความคิดและพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวจีนทั้งประเทศ
ล่าสุด " สี จิ้นผิง" สั่งคุมเข้ม หวังสกัดอิทธิพลบริษัทแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตในตลาดจีน ขณะสื่อชั้นนำของตะวันตก รายงานว่ารัฐบาลจีนเรียกร้องให้อาลีบาบา ลดการถือครองสินทรัพย์ในธุรกิจสื่อ ที่รวมถึงเซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษชั้นนำในฮ่องกง
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเตือนว่า รัฐบาลจีนจะติดตามความเคลื่อนไหวของบรรดาบริษัทแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตที่มีข้อมูลผู้ใช้งานจำนวนมากและมีอิทธิพลต่อตลาด ซึ่งคำเตือนนี้ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า กระบวนการควบคุมอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตของจีนเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของรัฐบาลจีน รายงานว่า สี ซึ่งเป็นประธานจัดการประชุมที่ปรึกษาด้านการเงินและคณะกรรมการประสานงานของพรรคคอมมิวนิสต์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลติดตามความเคลื่อนไหวของบริษัทอินเทอร์เน็ตอย่างใกล้ชิด, กวาดล้างพฤติกรรมการผูกขาดตลาด, ส่งเสริมการแข่งขันที่ยุติธรรม และป้องกันการขยายทุนอย่างไร้ระเบียบ
นอกจากนี้ ยังสั่งการว่า บริษัทอินเทอร์เน็ตจะต้องปรับปรุงความปลอดภัยด้านข้อมูล และธุรกรรมด้านการเงินของบริษัทอินเตอร์เน็ตจะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานรัฐบาลจีน
“บริษัทแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตบางรายกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ไม่ได้มาตรฐาน และสร้างความเสี่ยงอยู่ในขณะนี้ รัฐบาลจีนจึงจำเป็นต้องเร่งปรับปรุงกฎหมายเพื่อกำกับดูแลบริษัทแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ต เพื่อที่จะปิดช่องโหว่ที่เกิดขึ้นในขณะนี้” ซีซีทีวี เปิดเผยรายงานการประชุมดังกล่าว ซึ่งมีประธานาธิบดีสีเป็นประธาน
ในการประชุมครั้งนี้ สี กล่าวว่า ระบบเศรษฐกิจในแบบที่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตของจีนกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ด้วยเหตุนี้ จีนจึงต้องมุ่งเน้นแนวทางในระยะยาว ซึ่งรวมถึงการกำจัดจุดอ่อน และสร้างสภาพแวดล้อมด้านนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาแพลตฟอร์มเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
การแสดงความเห็นโดยใช้ถ้อยคำหนักแน่นของสีและคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า จีนกำลังขยายขอบข่ายการควบคุมบริษัทเอกชนที่มีอิทธิพลต่อระบบเศรษฐกิจจีน ดังจะเห็นได้จากการที่รัฐบาลจีนพุ่งเป้าสกัดอิทธิพลของบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งของนายแจ็ค หม่า และแอนท์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคในเครือของอาลีบาบา
รายงานล่าสุด ระบุว่า รัฐบาลจีนมีแผนที่จะสั่งให้อาลีบาบาขายธุรกิจสื่อบางแห่ง ซึ่งรวมถึงหนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ เนื่องจากรัฐบาลกังวลว่า อาลีบาบาจะมีอิทธิพลต่อความคิดของประชาชนและต่อโซเชียลมีเดียในจีน
รัฐบาลจีนต้องการให้บริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ขายธุรกิจสื่อบางแห่ง ซึ่งรวมถึงหนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ เนื่องจากรัฐบาลกังวลว่า อาลีบาบาจะมีอิทธิพลต่อความคิดของประชาชนภายในประเทศ
สื่อต่างประเทศหลายแห่งซึ่งรวมถึงสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ในการประชุมหลายครั้งที่ผ่านมา รัฐบาลจีนไม่พอใจที่อาลีบาบาครอบครองธุรกิจสื่อ โดยกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของอาลีบาบาต่อโซเชียลมีเดียในจีน
ขณะที่วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า รัฐบาลจีนได้เรียกร้องให้อาลีบาบาลดการถือครองสินทรัพย์ในธุรกิจสื่อ หลังจากหม่า ถูกรัฐบาลจีนเพ่งเล็งตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยพุ่งเป้าไปที่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และบริษัทแอนท์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นธุรกิจฟินเทคในเครือของอาลีบาบา
รายงานระบุว่า หม่าและอาลีบาบาได้ก่อตั้งธุรกิจสื่อขนาดเล็กอย่างเงียบๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนสยายปีกเข้าสู่สื่อออนไลน์, หนังสือพิมพ์, บริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ โซเชียลมีเดีย และธุรกิจโฆษณา ขณะเดียวกันอาลีบาบายังได้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเว่ยโป๋ ซึ่งให้บริการคล้ายทวิตเตอร์ รวมถึงเซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษชั้นนำในฮ่องกง
การที่หม่าถูกรัฐบาลจีนเพ่งเล็งนั้น เป็นผลมาจากการที่เขาออกมาวิพากษ์วิจารณ์ระบบกำกับกฎระเบียบทางการเงินของจีนเมื่อวันที่ 24 ต.ค. ปี2563 จนทำให้แอนท์ กรุ๊ปเจอคำสั่งระงับการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ที่เดิมตั้งเป้าหมายไว้สูงถึง 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนหน้าที่บริษัทฟินเทครายใหญ่แห่งนี้จะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขมูลค่าสินทรัพย์ธุรกิจสื่อโดยรวมจากอาลีบาบา แต่บริษัทต่างๆที่จดทะเบียนในรูปบริษัทโฮลดิงส์รวมกันแล้วมีมูลค่ากว่า 8,000 ล้านดอลลาร์ นับจนถึงช่วงเวลาก่อนที่ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการเมื่อวันจันทร์ (15มี.ค.)จากการรวบรวมข้อมูลของวอลล์ สตรีท เจอร์นัล ซึ่งรวมถึงหุ้นมูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์ในเว่ยโป๋ คอร์ป และอีกเกือบ 2,600 ล้านดอลลาร์ในบริษัท Bilibili Inc แพลทฟอร์มวิดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่หนุ่มสาวชาวจีน
นอกจากนี้ อาลีบาบา ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับรายละเอียดในการหารือกับคณะผู้คุมกฏจีนเรื่องการขายธุรกิจสื่อ บอกแต่เพียงว่า “เป้าหมายการลงทุนของเราในบริษัทเหล่านี้ก็เพื่อให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีเพื่อยกระดับธุรกิจและขับเคลื่อนแผนบูรณาการเชิงพาณิชย์เข้ากับธุรกิจหลักของบริษัท เราไม่แทรกแซงหรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในแต่ละวัน หรือมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของบรรณาธิการ” แถลงการณ์จากอาลีบาบา ระบุ