'ททท.' คาด 'เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3' ไม่ทันใช้สงกรานต์นี้
“ททท.” คาด “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” ขยายสิทธิจองห้องพัก 2 ล้านห้องใหม่ ไม่ทันใช้สงกรานต์นี้ เตรียมเสนอ ครม.พิจารณา 23 มี.ค.นี้พร้อม “ทัวร์เที่ยวไทย” ด้านเทศกาล “สงกรานต์” งดสาดน้ำ จัดกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมได้ เน้นริน-รด-พรม ตัดปัญหาเป็นเหตุให้โควิดระบาด
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า คาดว่าจะสามารถนำเสนอโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 23 มี.ค.นี้ พร้อมกับโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” ที่เดิมใช้ชื่อโครงการว่าเที่ยวไทยวัยเก๋า ซึ่งจะเสนอให้ ครม.พิจารณาขยายเงื่อนไขกำหนดให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปใช้สิทธิได้
หลังจากที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ตีกลับให้ทบทวนรายละเอียดให้รัดกุมเพื่อป้องกันการทุจริต โดยที่ผ่านมา ททท.ได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนรายละเอียด เชื่อไม่มีปัญหาการทุจริตอีก
“แม้ ครม.จะอนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 แต่คาดว่าจำนวนสิทธิการจองห้องพักทั้ง 2 ล้านสิทธิใหม่ไม่น่าเปิดดำเนินการให้ใช้สิทธิได้ทันสงกรานต์นี้”
นายยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประกาศเตรียมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ททท.ยืนยันว่าสามารถนำนักท่องเที่ยวเข้าไทยได้เดือนละ 2 ล้านกว่าคน ทำให้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยประมาณ 6.5 ล้านคน และเป็นเป้าหมายต่างชาติเที่ยวไทยปี 2564 ที่จะไม่มีการปรับลดแล้ว หากรัฐไม่มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องมาตรการกักตัว หรือนำต่างชาติเดินทางเข้าไทย รวมถึงเรื่องการกระจายวัคซีนในประเทศ ส่วนเป้าหมายตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศปีนี้อยู่ที่ 160 ล้านคน-ครั้ง
ทั้งนี้ ททท.ได้เร่งดำเนินการขายแพ็คเกจท่องเที่ยว เริ่มดึงต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยให้ได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป เป็นกลไกสำคัญในการสร้างรายได้ให้ประเทศ ผลักดันจีดีพีให้เติบโตตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 4% โดย ททท.มุ่งกระตุ้นเพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวให้เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวไทย หวังชดเชยรายได้ที่ลดลงจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไปจากการระบาดของโรคโควิด-19
ด้านนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า หลังจากวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ททท.ได้ประชุมหารือร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมเกี่ยวกับแนวทางและเงื่อนไขในการจัดกิจกรรมสงกรานต์ ล่าสุดมีความชัดเจนคือผู้ประกอบการเอกชนสามารถจัดกิจกรรมได้ แต่ต้องงดสาดน้ำ เพื่อไม่ให้เทศกาลสงกรานต์กลายเป็นสาเหตุการระบาดของโรคโควิด-19 อีกระลอก ภายใต้แนวคิดการจัดงานสงกรานต์ “ริน รด พรม ใส่หน้ากาก ไม่สาดน้ำ” โดยประชาชนสามารถทำกิจกรรมได้ เช่น รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ตักบาตรพระสงฆ์ เน้นวัฒนธรรมดั้งเดิมแทนการเล่นสาดน้ำเหมือนปีที่ผ่านๆ มา
“เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ยังสามารถจัดกิจกรรมได้ ผ่านหลักสำคัญ 3 เรื่อง ได้แก่ ปลอดภัย ประเพณี และประหยัดการใช้น้ำ เนื่องจากประสบภัยแล้ง โดยตัวอย่างกิจกรรมที่สามารถจัดได้ เช่น การแสดงศิลปะวัฒนธรรม และประเพณีต่างๆ แต่ยังให้ชะลอการจัดคอนเสิร์ตไว้ก่อน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อไม่ให้เกิดการรวมตัวคนจำนวนมากเกินไป เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างกันที่ 1 ตารางเมตรต่อคน”
ทั้งนี้ ททท.จะจัดกิจกรรมสงกรานต์ที่สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มักกะสัน ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 4,700 ตารางเมตร จุคนเข้าร่วมงานได้ไม่เกิน 4,700 คนในรอบเดียวกัน